ตั้ง ‘ส.ส.ร.’ กลางสมรภูมิ ซื้อเวลาต่ออำนาจ ‘ประยุทธ์’
ใกล้เข้าไปอีกก้าวสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ด้านหนึ่งก็เป็นการต่อออำนาจและเวลาให้กับ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' เช่นกัน
นาทีนี้ดูเหมือนว่า เสียงจากสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน 732 คน(ส.ส. 487คน +ส.ว.245คน) ต่อ “ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ” จำนวน 7 ฉบับ จะเทไปที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ วิปรัฐบาลและฝ่ายค้าน
หลักใหญ่ใจความของทั้ง 2 ฉบับ มีเนื้อหาที่คล้ายกันคือ การสะเดาะกุญแจมาตรา256 เปิดทางสู่การมี “สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)” ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่มีส่วนต่างกันตรงที่ “จำนวน” และ “ที่มา” ของส.ส.ร ซึ่ง “ฉบับของพรรคร่วมรัฐบาล” ให้มี ส.ส.ร. 200 คน แบ่งเป็น 150 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ตามสัดส่วนจังหวัด และอีก 50 คน มาจากการเลือกทางอ้อม
ส่วน “ฉบับของพรรคร่วมฝ่ายค้าน” ให้มีส.ส.ร. 200 คน มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
ไล่เรียงไทม์ไลน์ดูแล้วหากร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับผ่านสภาในวาระแรกตามที่มีการคาดการณ์ ยังมีขั้นตอนต่างๆทั้งตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาโดยอาจมีเวลา30-60 วัน ก่อนเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 แล้วไปทำประชามติ รวมเวลาเป็น 4 เดือน ก่อนมีการตั้ง ส.ส.ร. ตีเวลาประมาณ 2 เดือน กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญอีก 4 เดือนยังไม่นับเวลารับฟังความเห็นและการประชามติก่อนบังคับใช้ เบ็ดเสร็จแล้วใช้ไม่ต่ำกว่า1ปีครึ่งหรือ2ปี
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีการประเมินว่า ก็ไม่ต่างอะไรกับการประวิงเวลาเพื่อเอื้อให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “รัฐบาลประยุทธ์” ได้อยู่ครบเทอม
แต่กระนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทั้งการชุมนุมของกลุ่มมวลชนราษฎรภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อเสนอ ซึ่งพวกเขาเน้นย้ำเสมอว่าจะไม่มีการลดเพดานอย่างเด็ดขาด
บวกกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งจะชี้ขาดสถานะ “พล.อ.ประยุทธ์” กรณีใช้บ้านพักทหาร ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ว่าจะเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันอาจส่งผลการ “สิ้นสุดสถานะ” ของตัวพล.อ.ประยุทธ์
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า ผลออกได้ทั้ง 2 หน้าทั้งวินิจฉัยให้ “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” หรือ “ยกคำร้อง” ด้วยเหตุผลมีระเบียบรองรับสำหรับ “ผู้ทำคุณประโยชย์ให้แผ่นดิน”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งตัว “บิ๊กตู่” และ “รัฐบาล” กำลังเผชิญแรงเสียดทานอย่างรอบด้าน ดังนั้นแม้เกมตั้งส.ส.ร.แก้รัฐธรรมนูญ จะเป็นเสมือนเดินเกมยื้อเพื่อเปิดทางให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อจนครบเทอม
แต่การอยู่ยาวตามที่ว่า ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ต่อภายใต้”สมรภูมิรบ” เว้นเสียแต่เหตุการณ์การเมืองสุกงอม จนไม่สามารเดินต่อไปได้
เมื่อถึงเวลานั้นตัวเลือกต่างๆที่ถูกเตรียมไว้โดยเฉพาะ “รัฐประหาร” ซึ่ง “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ย้ำนักย้ำหนาว่า “โอกาสของการทำ (รัฐประหาร) เป็นศูนย์หมด” จะถูกนำมาเป็นตัวเลือกในการสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น
หรืออีกทางคือตัว “บิ๊กตู่” ถอดใจลาออกไปเสียกลางทางตามคำเรียกร้องของม็อบ3นิ้วเวลานี้!