'วิษณุ'โยน'ความมั่นคง'ประเมิน3องค์ประกอบหากใช้'พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง'

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีกลุ่มราษฎรเปลี่ยนสถานที่นัดชุมนุมไปเป็นหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ แทนที่บริเวณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ นั้น จะเข้าข่ายประกาศใช้กฎอัยการศึกได้หรือไม่ ว่า ขอให้เลิกพูดเรื่องกฎอัยการศึกได้แล้ว  เพราะทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พูดแล้วว่าจะไม่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึทั้งนี้ กานบังคับใช้กฎหมาย เป็นกฎหมายอะไรก็ได้ที่มีอยู่ สามารถนำมาใช้ได้ โดยที่ไม่ใช้กฎอัยการศึก และขอย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยคิดเรื่องการใช้กฎอัยการศึก

นายวิษณุ กล่าวว่า หากผู้ชุมนุมย้ายจากการชุมนุมที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์แล้วไปที่อื่น ความอ่อนไหวก็ไม่ต่างจากการชุมนุมในวันอื่นๆ ที่ได้มีการชุมนุมกันไปก่อนหน้านี้แต่ถ้ายังยืนยันชุมนุมที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ก็จะมีความอ่อนไหวมากกว่าทุกครั้ง

นายวิษณุ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การมีกฎอัยการศึกไม่ได้แตกต่างจากการที่ไม่มีในเวลานี้เพียงแต่การประกาศกฎอัยการศึกนั้น ทำให้ทหารออกมามีอำนาจในการควบคุมสถานการณ์ ที่จริงแล้วเมื่อมีการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แล้ว ก็จะมีการตั้งให้ทหารเป็นหัวหน้าผู้อำนวยการเจ้าพนักงานควบคุมสถาการณ์ แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้เปลี่ยนให้ตำรวจเป็นหัวหน้าผู้อำนวยการเจ้าพนักงานควบคุมสถานการณ์ ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไร ทั้งนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเบากว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่อำนาจนั้นไม่ได้แตกต่างกัน มีเพียงผู้รักษาการจะแตกต่างกัน

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังจำเป็นต้องกลับมาประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่กทม. อีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ แต่ถ้าจะประกาศก็ไม่มีปัญหาอะไร อยู่ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงประเมินด้านการข่าวว่าสถานการณ์มีความร้ายแรงเพียงใด จึงจะต้องกลับมาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบคือ 1. ความสำคัญของสถานที่อาทิ เขตพระบรมมหาราชวัง เขตพระราชทาน สถานที่ประทับ 2. ดูจากผู้ชุมนุมว่ามีอาวุธหรือมีเครื่องมืออะไรบ้าง 3. ดูเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะมีการเผชิญหน้าและปะทะกัน และถ้าฝ่ายความมั่นคงเห็นว่าจะต้องประกาศ จะต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือถ้าเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องประกาศในทันทีก็สามารถทำได้ แล้วจึงนำมาเสนอเข้าที่ประชุมครม. ตามขั้นตอน