'โควิด 19' ระลอกใหม่ ล็อกดาวน์ 'คณะราษฎร'
ปฏิเสธไม่ได้ม็อบราษฎรไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้นเหมือนช่วงเดือนต.ค.และพ.ย. และยิ่งมาซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ด้วยแล้ว โอกาสจะไปให้ถึงชัยชนะยิ่งห่างไกลออกไปทุกที
การเคลื่อนไหวนอกสภายุคนี้นอกจากต้องจับกระแสและอารมณ์ของสังคมให้เป็นแล้ว ยังต้องลุ้นไปถึงสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นอย่าง 'ไวรัสโควิด19' ด้วย เพราะไวรัสตัวนี้เคยสร้างความปวดหัวให้กับม็อบมาแล้ว
ถ้ายังจำกันได้ ภายหลังเกิดกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ได้เกิดปรากฏการณ์การชุมนุมตามสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยเป็นรูปแบบของการเคลื่อนไหวแบบไร้แกนนำ แต่อาศัยการสื่อสารและประสานงานกันระหว่างเครือข่ายนักศึกษา มีความพยายามยกระดับเพื่อขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พลันที่ต้นปี 2562 ประเทศไทยเริ่มมีคนติดเชื้อโควิด19และนำมาสู่การล็อกดาวน์ร่วมหลายเดือน ทำให้การเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาลต้องชะลอออกไป
จากนั้น เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนประเทศได้อย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวทางการเมืองก็เริ่มปรากฎขึ้นและนำมาสู่การชุมนุมใหญ่อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการเปิดตัวของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และใช้อนุสาวรัย์ประชาธิปไตยเป็นจุดนัดชุมนุมหลายครั้ง ตามมาด้วยการเกิดขึ้นของ 'แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม'
จุดเปลี่ยนสำคัญที่เรียกว่าเป็นการยกระดับการเคลื่อนไหวให้ใหญ่ขึ้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ต่อด้วย 14 ต.ค. อันเป็นวันสัญลักษณ์ทางการเมือง และหลังจากนั้นม็อบก็เริ่มจุดติดภายใต้ข้อเรียกร้อง 3 ประการ
ภาพรวมของการชุมนุมมีขึ้นมีลงเป็นระยะ ซึ่งก่อนที่โควิดจะมาระบาดรอบใหม่นี้ม็อบ 'คณะราษฎร' เองก็อยู่ในช่วงพัก เนื่องจากนักศึกษากำลังเตรียมตัวสอบปลายภาคและพักผ่อนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อให้พร้อมรบกันอีกครั้งตั้งแต่ต้นปี 2564 ดังที่ 'อานนท์ นำภา' ประกาศว่าปีหน้าจะเคลื่อนไหวเข้มข้นเหมือนเดิม
แต่ทุกอย่างกำลังพลิกผันอีกครั้ง เพราะม็อบคณะราษฎรอาจจะกับล็อกดาวน์ทางการเมือง ภายหลังสถานการณ์โควิดกำลังบานปลาย
ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะ อันเป็นสถานการณ์เฉกเช่นเมื่อต้นปี 2563 เมื่อการระบาดเพิ่มมากขึ้นพร้อมๆกับการรณรงค์ให้เลี่ยงการไปในสถานที่มีคนจำนวนมาก แน่นนอนย่อมกระทบต่อคณะราษฎร เพราะแม้การเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับสุขภาพของคนในประเทศ
กลายเป็นสภาพบังคับที่แกนนำราษฎรต้องเจอกับการล็อกดาวน์ไปโดยปริยาย โดยการถูกแช่แข็งครั้งนี้จะยิ่งหนักกว่าการระบาดระลอกแรกตอนต้นปี 2563 เป็นเพราะปฏิเสธไม่ได้ม็อบราษฎรไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้นเหมือนช่วงเดือนต.ค.และพ.ย.ที่นัดที่ไหนคนก็เต็มทุกครั้ง แต่กำลังอยู่ในสภาพทรงกับทรุดที่เป็นผลมาจากการถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และกฎหมายความมั่นคงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ด้วยเหตุผลและปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้พลังทางการเมืองถูกลดทอนลงไปอีก หากฝืนจัดชุมนุมในช่วงการระบาดรอบใหม่ นอกจากจะได้ก้อนอิฐแทนดอกไม้แล้ว จะยิ่งทำให้แนวร่วมอุดมการณ์ถอยห่างมากขึ้น เพราะไม่อยากถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตยโดยที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ไม่เพียงเท่านี้ ต่อให้สถานการณ์โควิด19คลายตัวลง ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าแนวร่วมและพลังทางการเมืองจะกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดเพื่อนำไปสู่การทะลุเพดานหรือไม่
ดังนั้น จังหวะนี้จึงเป็นก้าวย่างสำคัญของคณะราษฎรที่จะกลับตัวก็ไม่ได้ แต่จะเดินหน้าต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเป้าหมายหรือไม่ ทำได้แต่เป็นนักเลงคียบอร์ดเพื่อเลี้ยงกระแสในโลกคู่ขนานบนพื้นที่ออนไลน์กันต่อไป