“เลขาสภาฯ”ยันมติไม่ขยายสัญญา“ซิโน-ไทยฯ”ก่อสร้างรัฐสภาใหม่
“เลขาสภาฯ”ยันมติไม่ขยายสัญญา“ซิโน-ไทยฯ”ก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ระบุผู้รับจ้างแจงข้อเท็จจริงที่ได้รับผลกระทบไม่ได้
นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่อนุมัติการขยายเวลาในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ครั้งที่ 5 ว่า เป็นไปตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2563 ซึ่งการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจการจ้างนั้นได้พิจารณาอย่างละเอียดมีการใช้ดุลยพินิจโดยเสียงข้างมากไม่อนุมัติให้มีการขยายเวลา ในการก่อสร้างเนื่องจากการที่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ขอขยายเวลาและมีการอ้างเหตุว่าสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรล่าช้าในการจัดหาผู้รับจ้างงานประกอบอาคารด้านสายสัญญาณท่อร้อยสายในระบบไอทีและระบบโสตฯ ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบนั้น
คณะกรรมการได้พิจารณาโดยเปิดโอกาสให้ผู้รับจ้างรวมทั้งผู้ควบคุมงานและที่ปรึกษาโครงการได้ชี้แจงแต่ไม่สามารถหาข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการตรวจการจ้างเห็นในประเด็นที่ได้รับผลกระทบและจำนวนวันที่ได้รับผลกระทบที่จะมีการขอขยายเวลาซึ่งเป็นเหตุผลที่ทางคณะกรรมการฯมีมติ 6 ต่อ 3 ไม่อนุญาติให้ขยายสัญญา
นางพรพิศ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาทางบริษัทซิโน-ไทยฯ ทำหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการสภาฯ คัดค้านมติของคณะกรรมการฯ และขอใช้สิทธิในการให้ทางสำนักงานพิจารณาลดหรืองดค่าปรับ ต่อคู่สัญญาซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด -19 ซึ่งเป็นการอ้างสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายโดยทางเลขาธิการสภาฯ ได้ส่งให้ทางคณะกรรมการฯ พิจารณาโดยด่วน เนื่องจากเรื่องนี้มีความสำคัญและเป็นประเด็นทางข้อกฎหมาย พร้อมกันนี้ได้ขอให้ทางสำนักกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันในการพิจารณาโดยจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
“ทางกฎหมายนั้นถือว่าสัญญาได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งกระบวนการจากนี้ก็จะเป็นกระบวนการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างพ.ศ. 2535 ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะมอบหมายให้ทางสำนักการคลัง พร้อมกับที่ปรึกษากฎหมาย จากสำนักงานอัยการสูงสุดและกรมบัญชีกลาง มาให้คำแนะนำเพื่อให้การบริหารโครงการสัญญาก่อสร้างแล้วเสร็จและเป็นไปตามระเบียบ”
ทั้งนี้ยืนยันว่าดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มีนโยบายมาโดยตลอดว่าอยากให้อาคารรัฐสภาก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการอย่างสูงสุด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องของกฎหมาย