'รัฐบาล'ตั้งเป้าฉีด'วัคซีนโควิด'ให้คนไทย33ล้านคนภายในปี64
"อนุชา" เผย "รัฐบาล" ตั้งเป้า ฉีด "วัคซีนโควิด" ให้คนไทย 33 ล้านคน ภายใน ปี 64 ยัน มีแหล่งเงิน ฟื้นฟูผลกระทบ "โควิด" ขอให้มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศ ยังแกร่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการจัดหาวัคซีนโควิดให้กับคนไทยว่า ยืนยันรัฐบาลดำเนินการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งจะได้รับครอบคลุมอย่างน้อย 50% หรือ 33 ล้านคนภายในปี 64 มีการเจรจากับ Sinovac จะนำเข้ามาในก.พ.นี้ 2 แสนโดส จะฉีดให้กลุ่มแรกคือ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขด้านหน้า โดยเฉพาะใน 28 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวจะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มต่อไป
นายอนุชา กล่าวว่า ในเดือนมี.ค.จะได้รับส่งมอบอีก 8 แสนโดส และเดือนเม.ย.อีก 1 ล้านโดส รวมทั้งสิ้นจะครบ 2 ล้านโดส โดยวัคซีนดังกล่าวจะต้องขึ้นทะเบียนอย. ของทั้งจีนและไทย
นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนวัคซีนจาก Astrazeneca ที่ทำสัญญาล่วงหน้า 26 ล้านโดส จากเดิมคาดว่าจะได้ในเดือน มิ.ย.นี้ แต่ในขณะนี้ วัคซีน 26 ล้านโดสจะผลิตในประเทศไทย โดยบริษัท สยามไบโอไซน์ ได้เตรียมความพร้อมด้านโรงงาน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร ให้เป็นไปตามมาตรฐานโลก จะสามารถผลิตได้ 200 ล้านโดสต่อปี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้เริ่มผลิตและทดสอบรอบแรกไปแล้วตั้งแต่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนต้องทำให้ครบ 5 รอบ และเมื่อครบห้ารอบจะมีการยื่นผลต่ออย.เพื่อขออนุมัติ โดยจะได้ใช้ในเดือน พ.ค.นี้
นายอนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 35 ล้านโดส ซึ่งจะใกล้เคียงกับเป้าหมายของรัฐบาลในปี 64 น่าจะดำเนินการได้ตามแผน
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ส่วนความกังวลถึงมาตรการในอนาคตของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและสาธารณสุขพร้อมกันนั้น อยากให้คนไทยมั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศว่ามีความเข้มแข็ง นโยบาย การเงินการคลัง สามารถดูแลผู้ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องโดยสำนักงบประมาณ รวมถึงสภาพัฒน์ได้ติดตามการระบาดอย่างต่อเนื่องและกำลังดำเนินมาตรการเยียวยารอบใหม่อย่างเหมาะสมต่อไป นอกจากนั้นกระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่า ในส่วนของภาครัฐ มีแหล่งเงิน ทั้ง งบประมาณปี64 , งบกลาง 1.39 แสนล้าน , เงินกู้ส่วนที่เหลือ 4.7 แสนล้าน , งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 2.9 แสนล้าน เพื่อนำมาแก้ปัญหา โดยจัดเตรียมไว้หมดแล้ว หากมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น