'กทม.' เดือด 'ทยา'ชน'จักรทิพย์' วัดขุมกำลัง'คีย์แมน'พลิกเกม

'กทม.' เดือด 'ทยา'ชน'จักรทิพย์'  วัดขุมกำลัง'คีย์แมน'พลิกเกม

สนาม "ผู้ว่าฯกทม." เดิมพันสูงลิบ รายชื่อแคนดิเดตที่พร้อมลงล้วนมั่นใจสรรพกำลังของตัวเอง แต่คงลำบากหากจะสวมบท "วันแมนโชว์" เพราะยังมีปัจจัยอย่างสนับสนุนอยู่ด้านหลัง หนึ่งในนั้นคือบรรดา "คีย์แมน" ที่มีส่วนเป็นลมใต้ปีก พาให้ขึ้นไปถึงเก้าอี้ตัวที่หมายปอง

เป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่าสนามเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครมีแคนดิเดตในซีกรัฐบาลหลายคนที่พร้อมเสนอตัวลงชิงชัยเพื่อคุมการบริหารงานในพื้นที่เมืองหลวง

โดยเฉพาะชื่อของพล...จักรทิพย์ ชัยจินดา และทยา ทีปสุวรรณ ที่เสนอตัวพร้อมชนได้หมดทุกคน และหากได้รับการสนับสนุนจากพรรคแกนนำหลักรัฐบาล และผู้มีอำนาจก็ย่อมได้เปรียบในหลายปัจจัยที่จะเกื้อหนุน

จึงเป็นที่จับตาถึงท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะเลือกสนับสนุนใครในทางลับ เพราะท้ายสุดคงเลือกไม่ส่งในนามพรรคเหมือนตอนเลือกตั้ง อบจ.

เอาเข้าจริงแล้ว โครงสร้างภายในพรรคพลังประชารัฐมีการแบ่งพื้นที่ให้แกนนำแต่ละภาคร่วมกันรับผิดชอบ โดยในกทม. มีณัฏฐพล ทีปสุวรรณรมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคดูแลร่วมกับพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรค ที่ดูแลพื้นที่มาตั้งแต่ต้น

จึงไม่แปลกหากแกนนำในสาย กทม.ของพรรค จะเตรียมการ วางแนวทางเอาไว้แบบเงียบๆ มานาน ว่าจะสนับสนุนทยาอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และภรรยาณัฏฐพลพร้อมกับทีมงานลงสนาม

เพียงแต่ที่ผ่านมา อาจจะไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดตัวล่วงหน้า กลัวจะช้ำและเฉากันไปเสียก่อน เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นเมื่อใด

จนเมื่อช่วงปลายปี 63 เข้าสู่ปี 64 อดีตบิ๊กตำรวจอย่างพล...จักรทิพย์ ชัยจินดาอดีตผบ.ตร. ที่เปิดตัวพร้อมเข้าสู่สนามการเมือง หมายตาเป็นผู้ว่าฯ กทม.” ด้วยอีกคน ก็เป็นเรื่องที่หลายคนรับรู้กันดี

หากพูดถึงชื่อระหว่างจักรทิพย์และทยาก็ชัดเจนว่าพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีตัวเลือกในใจคือจักรทิพย์

เรื่องนี้ณัฏฐพลรับรู้เป็นอย่างดี ถึงความคิดความอ่านของพล..ประวิตรว่า ภรรยาของเขาอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาพล..ประวิตร

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของณัฏฐพลในเมื่อได้เตรียมปูทางทำพื้นที่ กทม. มาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะถูกมองเป็นม้านอกสายตาของพล..ประวิตรก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วเขามั่นใจในขุมกำลังของพรรคพวกและเครือข่าย รวมถึงทุนรอนของเขาว่าไม่แพ้ใคร

เช่นเดียวกับจักรทิพย์ที่ถือว่าเตรียมความพร้อม ทั้งเครือข่าย ทุนรอนเต็มที่ไม่แพ้กัน ที่เหลือก็อยู่ที่คนกรุงเทพฯ จะตัดสิน

หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ การต้องลงสนามในนามอิสระ ชนกันเองก็มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นหากใครคนใดคนหนึ่งชนะเลือกตั้ง ก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าทั้งคู่ดันเกิดไปแพ้คู่แข่งจากขั้วตรงข้ามเท่ากับฝั่งรัฐบาล เสียหายทั้งกระดาน

พปชร.” รอแบ่งสมบัติ ก่อนแยกย้าย

ดังนั้น หากข้อสังเกตที่ว่าพลังประชารัฐจะต้องแตก ด้วยเหตุผลเรื่องความไม่ลงตัวกันในเรื่องตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.” คงไม่ใช่ปัจจัยนี้เป็นหลักเสียทีเดียว เพียงแต่เรื่องนี้อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายเท่านั้น

เพราะในพลังประชารัฐที่เปรียบเสมือนบ้านหลังใหม่ มีหัวหน้าครอบครัวที่กำลังวังชาโรยราเข้าไปทุก แต่ยังพอมีบารมีเป็นที่เกรงใจของคนในบ้านหลายคนที่อยู่ร่วมชายคา แม้คนในบ้านจะแบ่งพรรคแบ่งพวก แก่งแย่งชิงดีกันมาตลอด แต่ทว่าเมื่อหัวหน้าครอบครัวยังอยู่ พวกเขาก็ต้องอยู่ และต้องอยู่ให้ได้

แม้ต่างคนจะคิดแบ่งสมบัติ แล้วแยกย้ายออกไปสร้างบ้านหลังใหม่ หรือตั้งพรรคใหม่ของตัวเอง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เรื่องนี้มีมานานแล้ว บางกลุ่มซุ่มเงียบออกไปหาทำเล ลงเสาเอกจดจัดตั้งพรรคมีชื่อและโลโก้เสร็จสรรพ ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เหลือก็แค่นับเวลาถอยหลังเท่านั้น

แกนนำหลายกลุ่มในพรรค เคยเปรยๆ ไปในทำนองเดียวกันว่า ถ้าวันหนึ่งพล..ประวิตรมีเหตุให้ต้องวางมือทางการเมือง โดยให้แกนนำกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขึ้นมารับช่วงดูแลรับผิดชอบพรรคต่อ แกนนำกลุ่มอื่นๆ ที่เหลือต่างไม่เอาด้วยแน่นอน

สถานการณ์เช่นนี้ จึงชัดเจนว่า รอยร้าวในพลังประชารัฐลงลึกชนิดที่เรียกว่าแตกได้ทุกเมื่อเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนยังให้ความเคารพพล..ประวิตรแต่วันใดที่พล..ประวิตรก้าวลงจากการคุมพรรค เมื่อนั้นก็อาจถึงเวลาที่แต่ละคนออกไปลงหลักปักฐานกันใหม่

สนามกทม.” ไม่เหลือง ก็ส้ม ไม่ซ้ายก็ขวา

ก่อนหน้านี้ แกนนำคนสำคัญในพรรค เคยประเมินสถานการณ์การเมืองในบริบทต่อไปว่า ความคิดจะแบ่งเป็น 2 ขั้วชัดเจน คือ ไม่ขวา ก็ซ้าย หรือไม่เหลือง ก็ส้ม

การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.” อาจได้ฉายภาพทัศน์ทางการเมือง ให้เห็นความคิดที่แบ่งเป็น 2 ข้างได้ชัดเจนมากที่สุดสนามหนึ่ง

ดังนั้น แคนดิเดตคนสำคัญ ทั้งจักรทิพย์และทยาจึงอาจมองข้ามการที่จะให้พรรคจะสนับสนุนไปไกลแล้วก็ได้ เพราะทั้งคู่ต่างมีสรรพกำลัง มีฐานเสียงและมีกลยุทธ์ที่จะใช้ดึงคะแนนให้กับตัวเอง

"3 คีย์แมน" ผู้ชี้ชะตา พาใครถึงฝัน

หากจักรทิพย์และทยาต้องเหนื่อยขับเคี่ยวกันเองแล้ว ยังต้องเจอคู่แข่งคนสำคัญ ที่เปิดตัวรอตั้งแต่ไก่โห่ อย่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ถือเป็นอีกด่านหินที่เลี่ยงไม่ได้

อีกปัจจัยสำคัญ จึงต้องจับตาคีย์แมน ทั้งสุเทพ เทือกสุบรรณอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. ที่มีฐานแฟนคลับในกทม. และใกล้ชิดกับณัฏฐพลและทยาจะออกแรงหนุนรูปแบบไหนอย่างไร

รวมถึงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ที่เตรียมตัวตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นอีกคนที่มีฐานเสียงเหนียวแน่นในกทม. จะตัดสินใจอย่างไร ในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยบ้านเก่า ดูท่าทางจะเอาใจช่วยชัชชาติ

เพราะนับตั้งแต่หญิงหน่อยออกจากเพื่อไทยแกนนำบางส่วนที่ยังอยู่ในพรรค ถึงขนาดหน้าชื่นตาบาน ที่ตัดขาดเยื่อใยกันจนหมดสิ้น เห็นได้จากการขยับปรับโครงสร้างในพรรคบางอย่าง รวมถึงการพูดในทำนองค่อนแคะของบิ๊กบางคนในเพื่อไทย

สถานการณ์ที่เป็นอยู่ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่คุณหญิงหน่อยอาจไม่เลือกช่วยคนที่เพื่อไทยช่วย คำถามคือ แล้วจะเป็นลมใต้ปีกให้กับใคร ระหว่างจักรทิพย์หรือทยาหรือ ไม่เลือกช่วยใครเลย

ที่สำคัญ ต้องดูท่าทีของพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเป็นอย่างไร เพราะถือว่ามีส่วนช่วยเรียกคะแนนเสียงให้พลังประชารัฐได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง 24 มี..2562 จนสามารถกวาดส.. ได้ถึง 12 ที่นั่ง ด้วยแคมเปญโค้งสุดท้ายเลือกความสงบจบที่ลุงตู่และการขึ้นปราศรัยใหญ่ ระบุถึงคีย์เวิร์ดสำคัญตอนหนึ่งว่า

ผมให้ได้ทั้งชีวิตและจิตใจ ผมจะยอมตายเพื่อแผ่นดินผืนนี้ แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะมาทรยศแผ่นดินนี้ไม่ได้เด็ดขาด เราจะต่อสู้เพื่อรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ดังนั้น คีย์แมนทั้ง 3 คนถือว่ามีส่วนสำคัญในการชี้ชะตาว่าแคนดิเดตผู้ว่าฯกทม. ในซีกรัฐบาลคนใด จะมีโอกาสไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้หรือไม่