'ราเมศ' เผย 'ประธานชวน' ลงนามส่งศาลตีความแก้ รธน. แล้ว

13 ก.พ.2564 นายราเมศ รัตนเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลัง รัฐสภามีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ประธานรัฐสภา ได้ลงนามส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนตัวยืนยันว่า การส่งศาลครั้งนี้ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เห็นด้วย แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 2 ที่จะมีขึ้นปลายเดือนนี้ อย่างแน่นอน

แต่จะกระทบวาระ 3 ซึ่งเป็นวาระลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่นั้น ก็ต้องรอดูว่าหากศาลรัฐคำร้องดังกล่าวจะมีคสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งมาหรือไม่ หากไม่มีคำสั่งใดๆจากศาล การพิจารณาวาระที่ 3 ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะตามเงื่อนไข ของรัฐธรรมนูญ การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยปกติเมื่อผ่านการลงมติวาระ3 ก็ต้องส่งให้ศาลพิจารณาก่อนทำประชามติอยู่แล้ว และหากศาลมติคำวินิจฉัยประการใดก็พร้อมน้อมรับ แต่ในระหว่างนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมความพร้อมอภิปราย การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และ 3 อย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ผ่านการพิจารณาไปได้ และเข้าสู่กระบวนตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ต่อไป

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นั้น ยืนยันว่าในส่วนของพรรคที่มีรัฐมนตรี 2 คน ที่ถูกอภิปราย คือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี นั้น ขณะนี้ ทั้ง 2 ท่านได้เตรียมความพร้อมชี้แจงอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องใดที่รัฐมนตรี 2 คนมีการทุจริต เพราะทุกคนยึดมั่นในหลักสุจริตมาโดยตลอด ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐต้องการที่นั่งรัฐมนตรีเพิ่มนั้น ส่วนตัวเชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายหรือไม่เป็นเรื่องในอนาคต

นายราเมศ ยังกล่าวถึงการที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยื่นญัตติให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยการขออภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจการวินิจฉัยของประธานรัฐสภาว่าจะบรรจุญัตติของนายไพบูลย์เข้าสู่วาระการประชุมหรือไม่ หลังจากที่ รองประธานสภาฯคนที่2 และฝ่ายกฎหมายของสภาฯได้กลั่นกรองแล้วยืนยันว่าสามารถบรรจุได้ แต่ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิดเพราะการอภิปรายจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ทำให้ยังไม่ทราบว่าจะบรรจุวาระดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาวันใด