นายกฯ โต้ช่วย 'บอส อยู่วิทยา' รอดคดี ลั่นรังเกียจคนทำผิด-เร่งคดีเข้ากระบวนยุติธรรม
นายกฯ โต้ช่วย "บอส อยู่วิทยา" รอดคดี ลั่นรังเกียจคนทำผิด สั่งเร่งรัดคดีเข้ากระบวนยุติธรรม
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติของเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชี้แจงกรณีนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตุกระบวนการให้ความช่วยเหลือ คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอสว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสะเทือนใจของทุกคนในสังคมรวมถึงตน ประเด็นนี้มีข้อสงสัยจากกสาธารณชนว่ามีความช่วยเหลือเป็นกระบวนการทำลายความเชื่อมั่น และศรัทธา ต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ ตนก็รับไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งนี้รัฐบาลได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีนายวิชา มหาคุณ อดีตป.ป.ช.เป็นประธานคณะกรรมการฯ กำหนดให้มีการรายงานผลการสอบสวนให้ตนทราบทุก 10 วัน มีการเชิญเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิ อัยการ ตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ตนขอย้ำว่าได้อ่านเอกสารที่คณะกรรมการส่งมาทุกหน้า และรู้สึกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกในประเทศไทยไม่ว่ากับใครก็ตาม
สิ่งที่ตนทำได้ในฐานะนายกฯ คือเร่งรัดคดีนี้ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง ต้องเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายวรยุทธ ในคดีที่ยังไม่ขาดอายุความภายใน 30 วัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุเฉี่ยวชนให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพยาเสพติดโทษ มีการออกหมายจับ และประสานสานงานกับอินเตอร์โพลออกหมายแดง เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งทางอินเตอร์โพลได้ออกหมายแดงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.2563
ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กำลังประสานงานกับตำรวจสากล เพื่อนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานกลาง กำกับติดตามผลการตรวจสอบของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง 5 หน่วยงาน ทั้งนี้ ป.ป.ท.สรุปรายงานมาว่า เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกับกระทำความผิด ช่วยเหลือนายวรยุทธ
"ยืนยันว่า ไม่เคยนิ่งนอนใจ เพราะตนรังเกียจคนที่ทำผิดกฎหมายและหนีคดี และอยู่ต่างประเทศ โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้อง และเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม"
ส่วนกรณีหมายแดงที่อ้างอิงหมายเลขพาสปอร์ตปลอมนั้นไม่เป็นความจริง แม้ว่าเลขพาสปอร์ตจะเปลี่ยน แต่ภาพถ่าย และลายนิ้วมือยังอยู่ ไม่ส่งผลต่อเลขพาสปอร์ตแม้จะเปลี่ยนกี่เล่มก็ตาม