ฝ่ายค้านสแกน “งบ 65” ตั้งป้อมสกัด “รัฐบาล” เอื้อการเมือง
สัญญาณ ที่ ครม. ส่ง "งบฯ65" ให้ "สภาฯ" พิจารณา เดือนพฤษภา นี้ สะท้อนความ ที่ฝ่ายค้านแปลว่า ใกล้ยุบสภา ใกล้เลือกตั้ง งบที่รัฐบาลจัดสรร ต้องตรวจสอบทุกเม็ด เพื่อไม่ให้ "พรรคร่วมรัฐบาล" แปลงความได้เปรียบ เพื่อเอื้อการเมือง
ในเดือนพฤษภาคมนี้
ทันทีที่ “สภาผู้แทนราษฎร” เปิดสมัยประชุม เรื่องแรกที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา คือ “ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565” วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท
ตามปฏิทินที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้คือ วันที่ 11 พฤษภาคม จะส่งเนื้อหาพร้อมเอกสารประกอบ ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 65 ให้สภาผู้แทนราษฎร
จากนั้น วันที่ 26-27 พฤษภาคม สภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาวาระที่หนึ่ง รับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ตามรัฐธรรมนูญ สภาฯ มีเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับแต่วันที่ร่างกฎหมายถึงสภาฯ ดังนั้นหากยึดวันที่ 11 พฤษภาคมจะครบกำหนดวันที่ 23 สิงหาคม
ทั้งนี้ ตามแผนได้กำหนดให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 11- 13 สิงหาคม
สำหรับสาระของร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ตามที่ “ไตรศุลี ไตรสรกุล” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุไว้ คือ วงเงินของร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 วงเงินลดลง 1.85 แสนล้านบาท
มีโครงสร้างของงบประมาณรายจ่าย ได้แก่ รายจ่ายประจำ 2.36 ล้านล้านบาท รายจ่ายลงทุน 6.24 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ 1แสนล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย 2.49 หมื่นล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 596.7 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี การตั้งงบประมาณของปี 2565 นั้น ถูกตั้งข้อสังเกตจาก “พรรคฝ่ายค้าน” ว่า ลดแบบถูกที่ถูกจุดหรือไม่!!
โดย “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุผลการศึกษาเบื้องต้นว่า
“งบเพื่อสวัสดิการและการศึกษาหลายอย่างถูกตัด เช่น กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาถูกลด 432 ล้านบาท เหลือ 5,652 ล้านบาท งบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถูกลด 1,815 ล้านบาท คงเหลือ 1.4แสนล้านบาท ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ถือสิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้นอีก 1.37แสนคนในปี 2564”
สิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังมองอย่างมีนัยสำคัญ คือ ภาวะที่ พิษโควิด-19 สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก และลามไปถึงแก่นของปัญหาสังคม สิ่งที่รัฐบาลควรคำนึงถึงคือการฟื้นฟู และเยียวยาประชาชนในทุกด้านที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว
แต่การปรับลดอาจนำมาด้วยประเด็นซ่อนแอบทางการเมือง หรือการหวังผลเพื่อให้ได้สิทธิการ ”กู้เงิน” ในอนาคต
ขณะเดียวกันในงบปี 2565 ของ “ฝ่ายความมั่นคง” ที่ถูกจับตาถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หลายหมื่นล้านบาท “ส.ส.มงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์” พรรคไทยศรีวิไลย์ โยนประเด็นไปยังรัฐบาลว่า จะเห็นแก่ประชาชน หรือความมั่นคง พร้อมเสนอให้หั่นงบซื้อเรือดำน้ำ เครื่องบินโจมตี และเฮลิคอปเตอร์โจมตี วงเงินรวม 1.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับงบประมาณปี 2564 รวมถึงงบที่มาจาก พ.ร.ก.กู้เงินที่บังคับใช้ขณะนี้ ถูกจับตาจากฝ่ายค้านเช่นกันว่า จะมีการผกผันของเงินเพื่อใช้ในประโยชน์ของบางพรรคการเมืองหรือไม่
จากการตรวจสอบของ “กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ” ที่มี “ไชยา พรหมา” ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ตั้งข้อสังเกตว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นที่-ชุมชน ทำได้ไม่เต็มที่เพราะการเบิกจ่ายเงินที่ล่าช้า ขณะเดียวกันรัฐบาลกลับใช้กลไกของท้องถิ่นให้เสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนบนพื้นฐานของโอกาส และศักยภาพของท้องถิ่นระดับพื้นที่ วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาทอีก
หากประเมินเป็นการใช้เงินเพื่อฐานการเมืองของรัฐบาล เท่ากับว่ารัฐบาลได้ 2 เด้ง เพราะสามารถใช้เงินจากงบประมาณ และงบจากโครงการเงินกู้ดำเนินโครงการใดๆ เพื่อสร้างความนิยม พร้อมมองว่า หลังการผ่านงบปี 2565 รัฐบาลจะประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ท่ามกลางความได้เปรียบทางการเมือง
ดังนั้นในการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 65 ไม่ว่าจะเป็นวาระแรกจนถึงวาระสาม เชื่อว่า “ฝ่ายค้าน”ฐานะคู่แข่งทางการเมือง จะไม่เปิดช่องให้ “เครือข่ายพรรครัฐบาล” เอื้อมคว้าความได้เปรียบทางงบประมาณไปได้ง่ายๆ แน่นอน.