โควิดเรือนจำพุ่งอีกติดเพิ่มอีก 1,117 ราย '2 เรือนจำ'ปลอดเชื้อ
โควิดคลัสเตอร์เรือนจำพุ่งสูง ติดเพิ่มอีก 1,117 ราย '2 เรือนจำ'ปลอดเชื้อ
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำต่างๆ ว่า ล่าสุดมีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,117 คน , ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษาอาการ 127,67 คน มี 2 เรือนจำ 2 แห่ง ที่รักษาจนหายหมดแล้ว และไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก คือเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเรือนจำอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ส่วนที่เหลือเรือนจำ 11 แห่ง ที่พบผู้ติดเชื้อ คือ เรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ , เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร , ทัณฑสถานหญิงกลาง , เรือนจำกลางของเปรม , เรือนจำพิเศษธนบุรี , เรือนจำจังหวัดฉะเชิงเทรา , ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง , เรือนจำจังหวัดนนทบุรี , เรือนจำกลางบางขวาง , เรือนจำพิเศษมีนบุรี และเรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ได้ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีการมอบนโยบายไปยังเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ ให้เรือนจำทุกแห่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเป็นของตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อม อีกทั้งยังสั่งการให้เรือนจำ และทัณฑสถาน ในต่างจังหวัด ตั้งศูนย์บัญชาการประจำเรือนจำ หรือ ศปค. เหมือนกรมราชทัณฑ์เน้นย้ำเรื่องการคัดกรองตรวจโรคในผู้ต้องขังโดยทันที หากพบเชื้อให้เอ็กซเรย์ปอดทุกราย ให้ยาทันที และรักษา ให้หายโดยเร็ว เพื่อป้องกันเชื้อลงปอด อบะไม่ให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง
ส่วนเรือนจำที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ให้ตรวจหาเชื้อทั้งผู้ต้องขัง และผู้คุมแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และให้สุ่มตรวจบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไอ มีน้ำมูก การปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยตัวแบบพักการลงโทษ ลดวันต้องโทษ ,หรือ ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนปล่อยเรือนจำจะตัองประสานกับสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อการส่งต่อผู้ต้องขังรายนั้นไปยังพื้นที่สาธารณสุขโดยด่วนต่อไป
จากการสอบสวนสาเหตุการแพร่ระบาดในเรือนจำ อาจเกิดจากการฝ่าฝืน ไม่ปฎิบัติตามระเบียบการเฝ้าระวัง และการป้องกันการแพร่ระบาด จากเจ้าหน้าที่ที่อาจเป็นพาหะนำเชื้อเข้าไปสู่เรือนจำ จากนี้จะไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติหน้าที่ภายนอกเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ในแดนเรือนจำ หากเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานภายในแดนเรือนจำ หากออกไปในพื้นที่เสี่ยงแล้วฝ่าฝืน ไม่ปฎิบัติตามข้อสั่งการของกรมราชทัณฑ์ จะสอบสวนพิจารณาลงโทษทางวินัยต่อไป
นอกจากนี้ ยังให้เรือนจำทั่วประเทศ แจ้งญาติผู้ต้องขังให้ทราบเป็นระยะเฉพาะราย ผ่านทางโทรศัพท์ หรือช่องทางอื่นๆ พร้อมกับแจ้งความคืบหน้าอาการป่วยของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อให้แก่ญาติ เพื่อบรรเทาความห่วงใย ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องขังเอง โดยให้คำมั่นว่ากรมราชทัณฑ์พร้อมดูแลรักษาอาการผู้ต้องขังที่ติดเชื้ออย่างเต็มความสามารถ ขอให้ญาติสบายใจได้
ส่วนมาตรการลดความแออัดในเรือนจำ จะเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลขอปล่อยตัวชั่วคราว รวมทั้งโครงการพักการลงโทษ โครงการลดวันต้องโทษ จะเสนอผู้บังคับบัญชาให้เป็นโครงการพิเศษเพื่อพิจารณาต่อไป รวมถึงการปรับแก้ขยายหลักเกณฑ์การพิจารณาการพักการลงโทษเพิ่มเติม เช่น มีอายุมาก หรือ มีโรคประจำตัว พร้อมกันนี้ จะหางบประมาณมาปรับปรุงเรือนจำ และห้องกักโรคให้มีมาตรฐานต่อไป พร้อมกับขอขอบคุณผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาคสิ่งของต่างๆ มาให้ โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจแบบไฮโฟล จากเดิมที่ขาดแคลน ตอนนี้ได้รับบริจาคจนมีใช้เพียงพอแล้ว