ผ่า! 10 สัญญาณ 'ประยุทธ์' สู่ 'ล็อกดาวน์' กรุงเทพฯ-ปริมณฑล
เปิด 10 สัญญาณ นายกฯ ประยุทธ์ ส่งผ่านเฟซบุ๊ค ถึงความจำเป็น ทำไมต้อง "ล็อกดาวน์" กรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัดปริมณฑล คือ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรปราการ
จากกรณีที่วันนี้ (8 ก.ค.) ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุขฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 ได้สรุปข้อเสนอมาตรการยกระดับมาตรการทางสังคม "ล็อกดาวน์" กรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัดปริมณฑล คือ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรปราการ
มีมาตรการ อาทิ จำกัดการเดินทาง อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ไม่ออกจากเคหะสถาน เว้นไปหาอาหาร พบแพทย์ และฉีดวัคซีน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมดที่ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ยกเว้น ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต โดยใช้ในพื้นที่เสี่ยงและกันชน เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันนั้น
เมื่อเวลา 16.17 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ค ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha เปิดใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการตัดสินใจยกระดับมาตรการเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งยังคงวิกฤติเป็นอย่างมาก
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จับประเด็นสำคัญ "10 สัญญาณ" ที่นายกรัฐมนตรีส่งผ่านโพสต์ดังกล่าว ได้ดังนี้
1. การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น : จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้ ทุกคนทราบดีว่าการแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น จากการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดที่แพร่ระบาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
2. ติดตามสถานการณ์ด้วยความไม่สบายใจ : นายกฯ ประยุทธ์ เผยว่า ตนเองติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่องด้วยความไม่สบายใจ และรับรายงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และความจำเป็นในการใช้แผนเผชิญเหตุ
3. จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรัดกุม : มาตรการทุกอย่างที่รัฐบาลจะออกมา จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรัดกุม โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง
4. เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ : มาตรการการควบคุมโรคที่จะต้องเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และธุรกิจต่างๆ
5. หากไม่ดำเนินการ อาจรุนแรงกว่านี้ : มาตรการการควบคุมโรคที่จะต้องเกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่หากไม่ดำเนินการ อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความรุนแรงมากกว่านี้
6. ต้องกำหนดมาตรการเข้มงวดขึ้น : จำเป็นต้องกำหนดมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในการจำกัดการเคลื่อนย้าย การป้องกันมิให้มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรม การปิดสถานที่เพิ่มเติม และมาตรการอื่นๆที่จำเป็น
7. สิ่งที่จะทำให้ชนะ คือความสามัคคี มีวินัย อดทน : ไม่มีใครหรือประเทศใด ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาโควิดได้สำเร็จโดยคนเพียงคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว ในยามที่เปรียบเสมือนการทำสงครามกับเชื้อไวรัสในครั้งนี้ สิ่งที่จะทำให้เราชนะได้ คือความสามัคคีของคนในชาติ ความมีวินัย ความอดทน การร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันของคนในชาติ
8. มีสติในการรับข่าวสาร : อีกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความมีสติในการรับข่าวสารในยามวิกฤต ที่มีผู้ไม่หวังดีสร้างข้อมูลเท็จที่มุ่งร้ายให้เกิดเข้าใจผิดและสับสนวุ่นวายในสังคมอย่างมากมาย ซึ่งต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการของรัฐที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่นด้วย
9. ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ : ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละ และขอสัญญาว่าจะดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด
10. จะดำเนินการอย่างเต็มที่ : นายกรัฐมนตรี ปิดท้ายโพสต์ดังกล่าว ด้วยข้อความ "ขอสัญญาว่าจะดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด ผมและรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุดรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุดครับ"
สำหรับมาตรการล็อกดาวน์ซึ่ง สธ. นำเสนอต่อ ศบค. ครั้งนี้ คาดว่าจะเน้นเฉพาะกลุ่มเป้าหมายหลัก 6 จังหวัด คือ กรุงเทพและ 5 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรปราการ
โดยระยะเวลา 14 วัน มาตรการที่ใช้ ได้แก่
1. จำกัดการเดินทางออกจากบ้าน และไปสถานที่เสี่ยง ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ให้ Work from home 100% เว้นบริการที่จำเป็น/สาธารณูปโภค งดเดินทางโดยไม่จำเป็น เว้นหาอาหาร พบแพทย์ และฉีดวัคซีน ปิด-ลดเวลา สถานที่เสี่ยงเช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ยกเว้นตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต งดการรวมกลุ่มทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน
2. กระจายวัคซีนไปต่างจังหวัด ระดมฉีดให้ผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง
3. จัดช่องทางด่วนในการตรวจรักษาให้ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรัง
4. เน้นมาตรการส่วนบุคคล สวมหน้ากากอนามัย งดการใกล้ชิด หรือรับประทานอาหารร่วมกัน ในบ้านและที่ทำงาน และ
5. เน้นมาตรการป้องกันในสถานประกอบการ ที่ทำงาน