คาดโทษ! รายงานข่าวบิดเบือน ช่วง ‘ล็อกดาวน์’ และ 'เคอร์ฟิว' เสี่ยง 'ติดคุก'
อ่าน!คำสั่งนายกฯ ถึง สื่อ กรณีรายงานข่าวเจตนาบิดเบือน หรือทำให้ประชาชนหวาดกลัว ช่วง “ล็อกดาวน์” และ “เคอร์ฟิว” เสี่ยงติดคุก
นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ เรียบร้อยแล้ว ถึงมาตรการ ล็อกดาวน์ และ เคอร์ฟิว ซึ่งมีทั้งหมด 12 มาตรการด้วยกัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 12 ก.ค.2564
อย่างไรก็ตามใน 12 มาตรการนั้น มีเรื่องข้อกำหนดและบทลงโทษ ว่าด้วยการรายงานข่าวในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย อยู่ในข้อ 11 ของประกาศดังกล่าว
เนื้อหาในข้อ 11 ระบุว่า มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเสนอข่าวหรือการทําให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ท่ีมีข้อความอันอาจทําให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทําให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ท่ัวราชอาณาจักรน้ัน เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่งพระราชกําหนด กํารบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ทั้งนี้ มาตรา9 (3) ระบุไว้ว่า …ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร
ทั้งนี้ มาตรา 18 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 13 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตามหากย้อนดูคำสั่งนายกฯ เมื่อ 25 มี.ค.2563 ซึ่งตอนนั้น มีการคำสั่ง ล็อกดาวน์ และ เคอร์ฟิว ตามมาด้วยนั้น ก็มีคำสั่ง ข้อห้าม ข้อกำหนดว่าด้วยการรายงานข่าวเช่นกัน และดูเหมือนกำหนดโทษ จะรุนแรงกว่าครั้งนี้ เพราะนอกจากบทลงโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วยังมีบทลงโทษ เกี่ยวเนื่อง พ.ร.บ.ด้วยการกระทําความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และ มาตรา 52 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หรือมาตรา 41 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราค่าสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542แล้วแต่กรณีด้วย