'รมต.'แก้เกม'ซักฟอก'ศักดิ์สยาม-สุชาติ'เห็นด้วยเลื่อน1สัปดาห์ รอตัวเลข'โควิด'ลด ภาพพลิกบวก
"รมต." ระดมสมอง แก้เกม "ซักฟอก" ฝ่ายค้าน ชง เลื่อน1สัปดาห์ เมื่อเสร็จจะได้ไม่ถูกยื่นญัตติด่วนเพิ่ม ทั้งลุ้นผู้ติดเชื้อ "โควิด" ลด ภาพจะพลิกเป็นบวก "ศักดิ์สยาม-สุชาติ" เห็นด้วย "อนุทิน" ห่วง ปัจจัยแทรกซ้อน "นายกฯ" สั่ง แจงให้เข้าใจ มีแผนทำงานอย่างไร
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งต่อที่ประชุม ครม.ถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 6 คน โดยทางสภาได้ประสานงานมาว่าขอให้รัฐบาลแจ้งวันที่พร้อมที่จะให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และฝ่ายค้านได้แจ้งความประสงค์ที่ค่อนข้างหนักแน่นมาว่าขออภิปรายก่อนวันที่ 20 ก.ย. ขณะที่ทางสภามีการเสนอแนะให้มีการอภิปรายระหว่างวันที่ 31 – 3 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมจึงสอบถามที่ประชุมว่าตกลงจะเอาวันไหน ทำให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรอบการทำงานของสภาว่า ในวันที่ 24 – 25 ส.ค.จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 2 ส่วนวันจันทร์ที่ 30 ส.ค. วุฒิสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่คาดว่าใช้เวลาเพียงวันเดียว ส่วนวันศุกร์ที่ 10 ก.ย. สภาจะลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 และวันที่ 18 ก.ย.จะปิดสมัยประชุม ทางสภาจึงมีหนังสือมาสอบถามความพร้อมของรัฐบาล ซึ่งปกติแล้วโดยธรรมเนียมรัฐบาลจะตอบไปว่ามีความพร้อมตั้งแต่วันใด จะไม่บอกว่าจะอภิปรายกี่วันและจะลงมติเมื่อไหร่ เพราะเป็นเรื่องของวิปและประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะไปกำหนดกันเอง แต่คิดว่ารัฐบาลน่าจะมีความพร้อมตั้งแต่วันอังคารที่ 31 ส.ค.เป็นต้นไป และมีแนวโน้มว่าสภาจะใช้เวลาอภิปรายวันที่ 31 ส.ค. 1 ก.ย. 2 ก.ย. และอาจจะต่อไปถึง 3 ก.ย. เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้วเพื่อที่จะให้จบก่อนเที่ยงคืน แล้วลงมติในวันที่ 4 ก.ย. แต่ถ้าจะลงมติในวันศุกร์ที่ 3 ก.ย.ได้ก็จะเป็นการดี เพราะสะดวกแก่ทุกฝ่ายอีกทั้งการอภิปรายครั้งนี้มีรัฐมนตรีถูกอภิปรายเพียง 6 คน ไม่ควรมากกว่า 3 วัน จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงถามย้ำที่ประชุมว่าสรุป 31 ส.ค.ใช่หรือไม่
โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แสดงความเห็นว่าเป็นไปได้หรือไม่หากจะเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อให้รัฐมนตรีได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของข้อมูล อีกทั้งเมื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จแล้วจะได้ไม่ต้องถูกตั้งญัตติด่วนอะไรเข้ามาอีก โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขของ ศบค. ที่จะทำให้รัฐบาลเสียหาย
ด้านนายอนุชา กล่าวสนับสนุนข้อเสนอของนายจุติว่า ถ้ามีเวลาได้เตรียมตัวเพิ่ม และรอดูแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะลดลงหรือไม่ แล้วค่อยหารือกันอีกทีจะดีกว่าหรือไม่
ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ระบุว่า เห็นด้วยกับนายจุติและนายอนุชาในกรณีที่ให้รอดูตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก่อน ว่า เมื่อเราได้เก็บสถิติข้อมูลผู้ติดเชื้อ ตอนนี้ภาพเป็นบวกหากขยับไปอีก 1 สัปดาห์ ทางการเมืองจะเป็นบวกและภาพจะดีกว่านี้
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวเสริมว่า ก่อนอภิปรายเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 น่าจะดีขึ้น แต่ถ้าเลื่อนไปไม่รู้จะมีปัจจัยอื่นมาอีกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเคารพเสียงส่วนใหญ่ จึงแล้วแต่ที่ประชุม
โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ระบุว่า มีความพร้อม และที่นายจุติพูดมีเหตุผลสถานการณ์ดีขึ้นก็เป็นประโยชน์ อีกทั้งการไปอภิปรายในสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมเราจะล็อคเวลาได้ด้วย
นอกจากนั้น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตนมีความพร้อม อภิปรายตอนไหนก็ได้ ทั้งนี้ หลังฟังความเห็นแล้ว นายกฯ จึงสอบที่ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ต้องเลือกหรือไม่ หรือจะส่งคำตอบกลับไปทั้งสองแบบ แต่นายวิษณุ แนะนำว่าให้ส่งกลับไปแค่ว่า เราพร้อมตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.เป็นต้นไป แล้วให้สภาไปคุยกันต่อ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า สำหรับการชี้แจงในสภา ในเมื่อมีโจทย์ตั้งมาอยู่แล้ว ขอให้ทุกคนเน้นตอบทั้งหลักการและเหตุผลในการทำงาน เช่นกระทรวงสาธารณสุข ให้ไปดูเรื่องโควิด-19 ว่าเรามีแผนหลัก แผนรองไว้แล้ว รวมถึงมีการทำแผนฉุกเฉินไว้ด้วย เรื่องการระบาดระลอกที่ 1 ระลอกที่ 2 ระลอกที่ 3 เราก็พัฒนาเป็นไปตามลำดับ ทั้งเรื่องวัคซีน การจัดส่งยา-อาหาร โรงพยาบาลสนาม
นอกจากนั้น นายกฯ ยังระบุด้วยว่า ขอให้กระทรวงสาธารณสุขและศบค.เตรียมให้พร้อม ทำให้เรียบร้อยโดยเร็ว ทำให้ได้อย่างที่ตนพูด อธิบายให้เขารู้ว่าเราทำอะไร วางแผนล่วงหน้าอย่างไร เราตั้งระบบได้อย่างรวดเร็ว เตรียมการตามแผนเผชิญเหตุ ไม่ได้ทำอะไรแบบไม่มีแผน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ อย่าให้เขาว่าเราทำงานแบบไม่มีแผนงานไม่ได้