สัญญาใจ ‘พปชร.-ภูมิใจไทย’ เชื่อ‘พี่’...อย่าหลงไปเชื่อใคร?
คำมั่นสัญญาจาก "บิ๊กป้อม" ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.บอกกับ "อนุทิน" หัวหน้าภท.ขอให้เชื่อพี่คนเดียว ที่สุดจะเป็นการสยบความไม่ลงรอยในขั้วรัฐบาลได้หรือไม่?... จากนี้ต้องติดตาม
“เชื่อพี่คนเดียว ไม่ต้องคุยกับใคร เราต่างเป็นหัวหน้าพรรคด้วยกันก็ต้องเชื่อกัน ถ้าไม่เชื่อหัวหน้าพรรคแล้วจะไปเชื่อใคร”
คำมั่นสัญญาจาก “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ส่งถึง “น้องหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข หลังเกิดกระแสรอยร้าวภายในขั้วรัฐบาล ที่ยามนี้เกิดอาการหวาดระแวงกันไปมา
ทั้งจากประเด็นความไม่ลงรองภายในขั้วรัฐบาล กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฟื้น “บัตร 2 ใบ” ซึ่งพลังประชารัฐ และภูมิใจไทยอยู่ในจุดที่เรียกว่า เดินกันคนละทิศละทาง
ฝั่งพปชร.เดินหน้า “ดันสุดขั้ว” หวังผลกวาดคะแนนเป็นเป็นกอบเป็นกำในการเลือกตั้งครั้งหน้า สวนทางภูมิใจไทยที่เดินหน้า “ค้านสุดลิ่ม” ประกาศชัดไม่เอาบัตรสองใบที่พรรครู้ดีว่าจะต้องถูกลดขนาดจากพรรคขนาดกลางกลายเป็นพรรคขนาดเล็ก
ย้ำชัดด้วยจุดยืนในการโหวต “งดออกเสียง”วาระ3ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่10ก.ย.นี้
ความหวาดระแวงนี้เองที่อาจส่งผลต่อเนื่องมาถึง “ศึกซักฟอก” ตอกย้ำด้วยกระแสเปิดดีลก่อนหน้านี้ที่ว่ากันว่า “คนในรัฐบาล” พยายามยืมมือฝ่ายค้าน ชิงจังหวะที่ภูมิใจไทยกำลังเผชิญสภาวะขาลง บวกคะแนนนิยมที่ติดลบ ในการ “ขยี้แผล” ชำแหละความล้มเหลวการแก้ปัญหาโควิด ล็อกเป้าไปที่ "อนุทิน" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งกำกับดูแลกระทรวงสาธารณะสุข มัดรวมด้วย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
หวังเกิดการเขย่าใหญ่ หลังเสร็จศึกซักฟอก ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง “เปลี่ยนมากลางศึก” ที่อาจถึงขั้นสลับขั้ว
ฉะนั้น แม้ “อนุทิน” จะพยายามย้ำว่า คนที่โทรศัพท์หาบิ๊กป้อมกลางวงประชุม ส.ส.พปชร.เป็นตนเอง ไม่ใช่ “พี่ใหญ่แห่งบุรีรัมย์” เนวิน ชิดชอบ อย่างที่มีการระบุผ่านสื่อ
แต่เป็นที่รู้กันว่า สภาวะเช่นนี้ “เนวิน” ในฐานะผู้คุมเกมตัวจริง คงไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ หากแต่จำเป็นต้องขอความมั่นใจจาก “บิ๊กป้อม” เพื่อการันตีว่าจะไม่มี “เกมหักหลัง” เกิดขึ้น
เพราะทั้ง “เนวิน” และ “อนุทิน” ต่างรู้ดีว่า แม้ยามนี้ภูมิใจไทยจะมีเสียง "งูเห่าก้าวไกล" ในมือ แต่นั่นก็มิอาจทำให้พรรคเป็นต่อ เหมือนศึกซักฟอกรอบที่แล้ว ซึ่ง “อนุทิน” ได้รับเสียงไว้วางใจมากสุด
ล่าสุด แม้ “บิ๊กป้อม” จะมีคำสั่งเด็ดขาด “ห้ามแจกกล้วย” และขอให้ ส.ส.พปชร. รวมถึงพรรคเล็กโหวตไปในทิศทางเดียวกันทั้งรัฐมนตรีพปชร.และพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็ขอให้แต่ละพรรค “เชื่อพี่...อย่าหลงไปเชื่อใคร”
แต่เอาเข้าจริง เวลานี้ยังคงมีความพยายามจากคนในรัฐบาล เปลี่ยนเกมจากการแจกกล้วยพรรคเล็ก ใช้เสียง “ไว้วางใจ”ของฝ่ายรัฐบาล ในการชี้วัดคะแนนของรัฐมนตรีแต่ละคน เปลี่ยนไปเป็นยืมเสียง “ไม่ไว้วางใจ” จากฝ่ายค้านแทน
หวังผลรัฐมนตรีคนใดได้เสียง“ไม่ไว้วางใจ”มากสุด ย่อมกลายเป็นจุดอ่อนและโดนแรงบีบอันส่งผลไปถึงการปรับครม.ในท้ายที่สุด