กับดักซักฟอก “ประยุทธ์” หลังพิง “ประวิตร-เนวิน”
ชั่วโมงนี้ พี่น้อง 3 ป.ยังหลงเสน่ห์ “เนวิน” อยู่อีกหรือไม่ คงต้องจับตามองหลังจบศึกซักฟอก การตัดสินใจของ “บิ๊กป้อม” น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองไทยอีกครั้ง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี 4 วัน เปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2564 ความน่าตื่นเต้นของศึกซักฟอกรอบนี้ น่าจะอยู่ที่วันลงมติ 4 ก.ย.2564 การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็น “เกมสภา” ที่พรรคฝ่ายค้านวางแผนช่วงชิงหาเสียงล่วงหน้า เพราะเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่คงจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ส่วน “ม็อบไล่ประยุทธ์” เป็นเกมคู่ขนาน ไล่รายวัน ไล่รายสัปดาห์ แยกเป็น 2 กลุ่มคือ ม็อบหาเสียงของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับม็อบเยาวชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่ลาออก
สำหรับการยุบสภา ย่อมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐ และการประเมินความพร้อมของ “3 ป.”
สมัยรัฐบาล คสช. “พล.อ.ประยุทธ์” มีกองทัพเป็นเสาค้ำยัน ผ่านมาถึงวันนี้ รัฐบาลที่มาจากนักเลือกตั้ง กองทัพก็ถอยมาอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ปล่อยให้กลไลรัฐสภาทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องพึ่งบารมีของ พี่ใหญ่ 3 ป.อย่าง “บิ๊กป้อม” พลอ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้คุมนักเลือกตั้งร้อยพ่อพันแม่ และอาศัยจำนวนมือของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์
สถานการณ์ก่อนศึกซักฟอกในห้วงเวลา “ขาลง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีข่าวกอสสิปว่า “เนวิน ชิดชอบ” โทรศัพท์หา “พี่ป้อม” เพื่อเช็คความมั่นใจว่า จะไม่มีการหักหลังกัน
ความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เรื่องของ “3 ป.” กับแกนนำค่ายสีน้ำเงิน หากแต่เป็นเรื่องของ “ขาใหญ่” ในพลังประชารัฐบางคน อยากเป็นใหญ่ จึงต่อสาย “ฝ่ายค้าน” หวังสร้างอภิมหาดีล
อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จึงให้สัมภาษณ์สื่อว่า ตนเป็นคนโทรศัพท์เข้าไปภายในวงประชุมของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นการโทรเช็กข้อมูลกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
“ขอให้เชื่อพี่คนเดียว ไม่ต้องคุยกับใคร” นี่เป็นคำยืนยันจาก “พี่ป้อม” ที่เสี่ยหนู อ้างกับนักข่าว ซึ่งสะท้อนความหวั่นไหวลึกๆ ของแกนนำภูมิใจไทย
ดังที่รู้กัน “3 ป.” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต่างยกให้ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ควบคุมดูแลนักเลือกตั้ง จึงทำให้เกิดภาพความห่างเหินระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
บังเอิญสถานการณ์โควิดระบาดหนัก มีคนป่วยเรือนล้าน คนตายหลักหมื่น ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แกนนำคนสำคัญของพลังประชารัฐ จึงคิดสูตรเปลี่ยนม้ากลางศึก
ฉะนั้น “บิ๊กป้อม” จึงต้องเรียกประชุมใหญ่ที่บ้านป่ารอยต่อ ภายในค่าย ร.1 ทม.รอ. เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 30 ส.ค.2564 สยบรอยร้าวในกลุ่มรัฐมนตรี และประชุม ส.ส. เตรียมความพร้อมในศึกซักฟอก
เหตุที่แกนนำพรรคภูมิใจไทย ต้องขอความมั่นใจจาก “3 ป.” เพราะศึกซักฟอกหนนี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ตกเป็นเป้าถล่มของฝ่ายค้าน ด้วยประเด็นเกี่ยวกับโควิดล้วนๆ ทั้งเรื่องวัคซีนไม่มีคุณภาพ ไม่เพียงพอ
“เนวิน ชิดชอบ” รู้ดีว่า ถ้ายุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ในเร็ววันนี้ พรรคภูมิใจไทย คงได้ ส.ส.ไม่เกิน 20 คน เพราะความนิยมในหมู่ประชาชนลดหายไปมาก จากการบริหารจัดการการระบาดของโควิดล้มเหลว ในฐานะที่ควบคุมดูแลกระทรวงสาธารณสุข ย่อมปฏิเสธความรับผิดชอบไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องต่อสายหา “พี่ใหญ่” ของ 3 ป. เพราะกลิ่นการเปลี่ยนขั้วนั้นแรงเหลือเกิน นักการเมืองจมูกไวอย่างเนวิน มีหรือจะไม่รู้
ยุคที่ “เนวิน” ยังเป็นยอดขุนพลของทักษิณ ชินวัตร มีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่ง ที่เขียนบทความประจำใน นสพ.ผู้จัดการรายวัน ได้อธิบายความเป็นยอดขุนพลของนักการเมืองบุรีรัมย์ว่า
“คุณเนวินเป็นคนมีเสน่ห์ทางการเมือง ในบรรดาพรรคการเมืองที่มีชีวิตเกือบครึ่งหนึ่งในปัจจุบัน คุณเนวินมีโอกาสโปรยเสน่ห์ทางการเมืองมาแล้ว บรรดาหัวหน้ารัฐบาลที่คุณเนวินร่วมด้วย ล้วนหลงเสน่ห์คุณเนวินทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณบรรหาร ศิลปอาชา หรือคุณชวน หลีกภัย หรือแม้แต่คุณทักษิณเอง”
ชั่วโมงนี้ พี่น้อง 3 ป.ยังหลงเสน่ห์ “เนวิน” อยู่อีกหรือไม่ คงต้องจับตามองหลังจบศึกซักฟอก การตัดสินใจของ “บิ๊กป้อม” น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองไทยอีกครั้ง