‘เต้น-บก.ลายจุด’ประสานเสียง 19 ก.ย.ม็อบใหญ่! ขอ 1 สัปดาห์จุดกระแสให้ติด
“เต้น-บก.ลายจุด” ประสานเสียงนัดครบรอบ 15 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย. ม็อบใหญ่! เผยอยู่ระหว่างปั้นกระแส ขอใช้เวลา 1 สัปดาห์จุดให้ติด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564 ที่แยกอโศก ‘เครือข่ายไล่ประยุทธ์’ นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) มีการจัดกิจกรรม ‘คาร์ม็อบ’ และ ‘ไบค์ม็อบ’ โดยมีรถจักรยานยนต์ และรถยนต์เดินทางมาร่วมกิจกรรม เพื่อบีบแตรขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยเมื่อเวลา17.00 น. กลุ่มไบค์ม็อบ ได้เคลื่อนออกจากบริเวณแยกอโศก ไปตามเส้นทาง ถ.สุมขุมวิท มุ่งหน้าพระโขนง จากนั้นจะวนกลับมาที่แยกอโศกอีกครั้ง โดยมีตำรวจจราจรคอยดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวก เนื่องจากการเคลื่อนขบวนครั้งนี้ไม่ได้มีการปิดถนน
ขณะที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ให้สัมภาษณ์ก่อนกิจกรรมเริ่มว่า ธีมของวันนี้เป็นคอนเซปต์ของไบค์ม็อบ เนื่องจากก่อนหน้านี้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ที่เน้นรถยนต์เป็นหลัก อย่างไรก็ดีได้คุยกับนายณัฐวุฒิแล้วว่า สมาชิกคาร์ม็อบส่วนมากเป็นมอเตอร์ไซค์ จึงคิดว่าควรจัดกิจกรรมเฉพาะมอเตอร์ไซค์ให้ชัด ๆ เริ่มทำให้ที่นี่เป็นฐานที่มั่น ก่อนจะพัฒนากิจกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา ส่วนการชุมนุมใหญ่จริง ๆ คงจะต้องเป็นวันเสาร์ หรืออาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาหล่อเลี้ยงกันไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์และการสื่อสาร
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดกิจกรรมตอนนี้ กำลังหารูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยมีสมมติฐานตรงกันและค่อนข้างมั่นใจว่าประชาชนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่ติดปัญหาที่รูปแบบ จึงเกิดคาร์ม็อบขึ้นมา และตอบโจทย์แล้วว่าคนพร้อมมีส่วนร่วมแสดงออกทางการเมือง แต่ต้องหารูปแบบให้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงปั้นกระแส ต้องก่อให้ได้ ถ้าก่อติดจะนำไปสู่ม็อบขนาดใหญ่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ถ้าไปไม่ได้อาจต้องทบทวนกัน
นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า สัปดาห์นี้พูดถึงการก่อก่อน จุดให้ติดก่อน จุดให้มีสัญญาณบางอย่าง พอจุดติดจะต้องมีกลยุทธ์หนึ่งคือ การจัดม็อบใหญ่ คิดอ่านเรื่องกลยุทธ์ว่ามีวาระอะไร เช่น วาระครบ 15 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ตรงกับวันอาทิตย์ คุยกับนายณัฐวุฒิ คิดว่าน่าจะมีวาระสำคัญ มีม็อบใหญ่ แต่ระหว่างทางอีก 10 กว่าวัน ป้อมค่ายตั้งสำเร็จหรือไม่
“มีการเรียกร้องจากมวลชนจำนวนมาก การจัดอีเวนต์อาจไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ แต่มันสะท้อนแรงกดดันสะท้อนไปยังสภาผู้แทนราษฎร แต่เมื่อมีการโหวตไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จัดอีเวนต์แบบนั้นจะส่งสัญญาณหาใคร จึงต้องจัดป้อมค่ายเลย แต่การจัดม็อบถาวรมีข้อจำกัด เช่น เคอร์ฟิว ไม่อาจระดมคนต่างจังหวัดมาสมทบได้ ทั้งที่จริงมีคนจากต่างจังหวัดไม่น้อยอยากมาร่วม แต่ทำไม่ได้ ไม่ควรจะติดหล่ม กลุ่มการเมืองทุกสีทดสอบแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว จะพบว่าเปลืองพลังงาน สิ้นเปลืองทรัพยากร ต้องทำใต้กรอบเป็นไปได้ จะลองทำม็อบ 3 ชั่วโมงไปรอดหรือไม่” นายสมบัติ กล่าว
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า จะลองประเมินโมเดลของขบวนของรถจักรยานยนต์ ก่อนจะขยาย และออกแบบการนัดหมายใหญ่ ชุมนุมใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และได้ให้รถจักรยานยนต์ นำสติ๊กเกอร์ ‘ไล่ประยุทธ์’ ไปติดในละแวกบ้านตามความเหมาะสม ส่วนภาคเวทีจะเป็นอีกวันที่เปิดพื้นที่เป็นเวทีสาธารณะให้มวลชนได้มาแสดงความคิดเห็น
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 ถือเป็นวันสัญลักษณ์ของการสูญเสียประชาธิปไตย และการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 คือผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 ดังนั้น จึงถือเป็นวันหมุดหมายสำคัญที่จะชวนประชาชนแสดงพลังครั้งใหญ่ต่อต้านเผด็จการ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนรูปแบบ เวลา จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คาดว่าอาจจะเริ่มต้นจากแยกอโศกแห่งนี้
ส่วนในวันที่ 19 ก.ย. 2549 ที่จะเป็นการชุมนุมใหญ่จะมีมวลชนมามากน้อยแค่ไหนนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากเป็นรูปแบบคาร์ม็อบ มวลชนจะออกมาร่วมกันจำนวนมาก และทำได้ทุกนัด หากลงถนนยังเป็นการทดลอง ส่วนการชุมนุมยืดเยื้อเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ขณะนี้ในเชิงปริมาณไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักคือความจริงของสถานการณ์ที่จะสะท้อนการแสดงออกของประชาชนอย่างไร ถ้าจะเดินไปข้างหน้าจะต้องดูรูปแบบว่าจะเดินไปอย่างไร อาจจะผสมผสานคาร์ม็อบ รถจักรยานยนต์ และคน ยังอยู่ในการปรับรูปแบบอยู่ ประเมิน 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าทุกอย่างยังอยู่ในความพอใจ