ย้อนสารพัดแบรนด์ถึง“น้ำพริกนิตยา”บทเรียน“ธุรกิจ”เลือกข้าง“การเมือง”?

ย้อนสารพัดแบรนด์ถึง“น้ำพริกนิตยา”บทเรียน“ธุรกิจ”เลือกข้าง“การเมือง”?

ย้อนบทเรียนปี 2564 เมื่อ “นักธุรกิจ” ผันตัว “เลือกข้าง” ทางการเมือง จาก “ป๋าเทพ” ขายขนมเปี๊ยะวิพากษ์ม็อบ-ชมผู้นำ “ฟู้ดแพนด้า” ดราม่าไรเดอร์ “มิสแกรนด์” ทำ “ณวัฒน์” หลุดผังช่องน้อยสี ถึง “น้ำพริกนิตยา” บทเรียน “ธุรกิจ” เลือกข้าง “การเมือง”

ธุรกิจ” กับ “การเมือง” เรียกได้ว่าเป็นของ “เส้นขนาน” มาตั้งแต่โบราณ บนเกมกระดานการเมืองไทย แต่ถ้าเมื่อไหร่ธุรกิจเลือก “พัวพัน” กับการเมืองเต็มตัวแล้ว อาจจะต้องมี “บทเรียน” ตามมา

กรณีล่าสุด “น้ำพริกนิตยา” สะท้อนให้เห็นตัวอย่างชัดเจน เมื่อปฏิเสธไม่ให้พิธีกรรายการช่องออนไลน์ นำโดย “คำ ผกา” หรือ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย และ “โรซี่” น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ (พี่สาวนายจอห์น วิญญู) เข้าร้าน โดยเจ้าของร้านระบุว่า เพราะไม่เคยดูรายการดังกล่าวมาก่อน ขณะที่ “คำ ผกา” ออกอาการเดือดดาล อ้างว่า เพราะตัวเองเป็น “เสื้อแดง” เลยไม่ได้รับการต้อนรับจากร้านแห่งนี้ ส่งผลให้ “ทัวร์ลง” ร้านค้าแห่งนี้ทันที

อย่างไรก็ดีมีบุคคลอ้างว่าเป็น “หลานสาว” ของเจ้าของแบรนด์ “น้ำพริกนิตยา” ชี้แจงว่า “คุณป้า” (นางนิตยา ลักษณวิสิษฐ์) ไม่ได้มีความสนใจทางการเมือง และอาจแยกไม่ออกว่ารายการของ “คำ ผกา” คือ Lifestyle TV หรือ Political TV กันแน่ โดยคุณป้าเห็นตามสมควรแล้วว่าควรทำตัวเป็นกลาง ทำให้ทุกคนเข้าใจผิด และกลายเป็นดราม่าของสังคม

ทว่าแม้โดน “ทัวร์ลง” จาก “ฝ่ายตรงข้าม” เสนอ “แบนธุรกิจ” แห่งนี้ แต่ยังมี “ฝ่ายสนับสนุน” แห่ซื้อน้ำพริกนิตยา จนออเดอร์ล้นหลาม ยอดกดไลค์-ติดตามในแฟนเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพียบเพียงข้ามวัน หลังเกิดกระแสดราม่าดังกล่าว

ข้อมูลของ “น้ำพริกนิตยา” กรุงเทพธุรกิจเสนอไปแล้วว่า จดทะเบียนในชื่อ บริษัท นิตยา ไทยเคอรี่โปรดักส์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2545 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 9/9 หมู่ที่ 4 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ผลิตและจำหน่ายเครื่องแกงต่าง ๆ

ปรากฏชื่อ นายณัฐวุฒิ ลักษณวิสิษฐ์ นางสาวปรีดาวดี ลักษณวิสิษฐ์ เป็นกรรมการ นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 155,249,598 บาท มีหนี้สินรวม 64,538,566 บาท มีรายได้รวม 175,932,095 บาท รายจ่ายรวม 171,331,570 บาท อย่างไรก็ดีมิได้ระบุในส่วนดอกเบี้ยจ่าย และเสียภาษีเงินได้ ขาดทุนสุทธิ 8,836,771 บาท

ดังนั้นหลังปรากฎการณ์นี้ ต้องรอดูว่าผลประกอบการจะ “ดีขึ้น” หรือ “แย่ลง”

ทว่า กรณีของ “น้ำพริกนิตยา” มิใช่กรณีเดียวที่ถูกกล่าวหาว่านำ “ธุรกิจ” มาพัวพันกับ “การเมือง” ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก กรณีของ “ป๋าเทพ” นายสุเทพ โพธิ์งาม ตลกชื่อดัง ไลฟ์สดวิพากษ์วิจารณ์ “คนบางกลุ่ม” ที่ออกมาประท้วงขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเดียวกันออกโรงชมเปาะ “ผู้นำคนนี้” ทำงานใช้ได้ ก็ถูก “ทัวร์ลง” จาก “ฝ่ายต้านรัฐบาล” เช่นเดียวกัน

หลายคนอาจรู้อยู่แล้วว่า “ป๋าเทพ” คือ “นักสู้ทางธุรกิจ” คนหนึ่ง เคยทำธุรกิจอย่างน้อย 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ขั้นเทพ กระทะปิ้งย่าง จำกัด และ หจก.อันไต โปรดักชั่น ถูกนายทะเบียนชื่อว่า “ร้าง” ส่วนบริษัท เทพประดิษฐ์ โปรดักส์ จำกัด อยู่ในสถานะ “เสร็จชำระบัญชี” หรือภาษาชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่า “ปิดกิจการ” นั่นเอง

ปัจจุบัน “ป๋าเทพ” ผันตัวมาทำธุรกิจ “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” จากเดิมแทบไม่มีคนรู้จัก ขายได้วันละ 200-300 บาท หลังไลฟ์สดชม “ผู้นำ” ดังกล่าว กระทั่งมีการตอบโต้กับ “ตลกบางคน” ในวงการบันเทิง “ป๋าเทพ” อ้างว่า มีคนสนับสนุนขนมเปี๊ยะเป็นจำนวนมาก จำหน่ายได้วันละหลักแสนบาทเลยทีเดียว

แต่ใช่ว่าการ “เลือกข้างการเมือง” จะ “พลิกวิกฤติเป็นโอกาส” สร้างรายได้มากขึ้นอย่าง 2 กรณีข้างต้น แต่บางแห่งอาจ “พลิกโอกาสเป็นวิกฤติ” 

อย่างเช่นกรณีบริษัทรับส่งอาหารยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยอย่าง “Food Panda” ภายหลังมี “ไรเดอร์” รายหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 ส่งผลให้ Food Panda ทวิตเตอร์ระบุว่า จะให้ไรเดอร์รายนี้พ้นสภาพพนักงานทันที จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แม้ต่อมาผู้บริหารบริษัทแห่งนี้จะออกแถลงการณ์ “ขอโทษสังคม” แล้ว แต่มิวายถูกตีตราว่า “เลือกข้าง” ทางการเมือง

ข้อมูลของ Food Panda จดทะเบียนในชื่อ บริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2555 ทุนปัจจุบัน 204 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 2034/88 ชั้น19,2034/118,2034/119 ชั้น 27,2034/129,2034/130 ชั้น30 อาคารอิตัลไทย ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ เขตห้วยขวาง วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด เป็นตัวแทน นายหน้า เพื่อจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต

ปรากฏชื่อ นายอเล็กซานเดอร์ เฟลด์ นายเจค็อบ เซบาสเตียน แอนเกอร์เลอร์ นายฮันเนส เฮ้าส์วาลด์ นายบาวานี ชังกา มิชร่า เป็นกรรมการ

แจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2563 ฟู้ดแพนด้า จีเอ็มบีเอช (สัญชาติเยอรมัน) ถือใหญ่สุด 99.9999% ที่เหลือเป็น เดลิเวอรี่ ฮีโร่ โลคอล แฟร์วาลทุงส์ จีเอ็มบีเอช (สัญชาติเยอรมัน) และฟู้ดแพนด้า จีพี ยูจี (ฮาฟ ทุง เบส เซงคท์) สัญชาติเยอรมัน ถือรายละ 1 หุ้น

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 1,804,788,487 บาท หนี้สินรวม 6,913,257,237 บาท รายได้รวม 4,375,128,919 บาท รายจ่ายรวม 7,791,044,843 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 179,985,733 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,595,901,657 บาท

เรียกว่าเดิมก็ “บักโกรก” อยู่แล้ว เมื่อถูกครหาว่า “พัวพัน” การเมืองจะมีรายได้กระเตื้องเข้ามาหรือไม่

หรือกรณีเวทีนางงามชื่อดังอย่าง “มิสแกรนด์” ที่ดำเนินการโดย “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ไม่ใช่แค่เดินหน้าเปิดฉากเลือกข้างทางการเมืองอย่างเดียวเท่านั้น ยังวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มทุน “ยักษ์ใหญ่” จนถูก “ช่องน้อยสี” ถอดออกจากการเป็นพิธีกรทุกรายการ แต่เจ้าตัวไม่หวั่น มาจัดรายการเองผ่านช่องทางออนไลน์

เวทีมิสแกรนด์ของเจ้าตัว จดทะเบียนในชื่อ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2556 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 1213/414 ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) ถนนลาดพร้าว พลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ขายสินค้าส่งและขายปลีก ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามและผลิตภัณฑ์อาหาร

ปรากฏชื่อ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล นายรัชพล จันทรทิม นายศักดิ์สิทธิ์ บุญวานิช เป็นกรรมการ แจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2564 นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถือหุ้นใหญ่สุด 60% นายรัชพล จันทรทิม ถือ 39.998% นางนพวรรณ จุลเจือ ถือ 0.0002%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 341,671,848 บาท รายจ่ายรวม 282,792,693 บาท เสียภาษีเงินได้ 14,583,465 บาท กำไรสุทธิ 44,295,689 บาท

เห็นได้ว่าปีล่าสุดรายได้มหาศาล กำไรกว่า 44.2 ล้านบาท รอดูว่าการนำส่งงบการเงินในปี 2564 จะมากขึ้นหรือน้อยลง

ยังไม่นับพวก “ดารา-เซเลป” ที่ปี 2564 ที่ผ่านมา หลายคน “เปิดตัว-เปิดหน้า” เลือกข้างทางการเมืองกันไปแทบทั้งวงการแล้ว แบ่งฝ่าย “สนับสนุน-ต่อต้าน” รัฐบาลอย่างชัดเจน ต้องรอดูงานในวงการหลังจากนี้เช่นกันว่า จะเยอะเหมือนเดิมหรือไม่

ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวของบรรดา “ธุรกิจ” ที่ออกมาเคลื่อนไหว ถูกข้อครหา “เลือกข้าง” ทางการเมือง บางแห่ง “แห้ว” บางแห่ง “ขายดิบขายดี”

เป็นบทเรียนที่ “นักธุรกิจ” ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจมาคลุกคลี “การเมือง”