ผ่าอาณาจักรหมื่นล.“มหากิจศิริ”-ป.ป.ช.ฟัน“ประยุทธ”ออกเอกสารสิทธิมิชอบ?
ผ่าอาณาจักรธุรกิจหมื่นล้าน “มหากิจศิริ” ก่อน “ป.ป.ช.” ชี้มูล “ประยุทธ” ร่วมสนับสนุน จนท.รัฐ ออกเอกสารสิทธิมิชอบ พื้นที่กระบี่ 66 ไร่ สร้างสนามกอล์ฟ “เมาท์เท่นครีกฯ” โคราช 189 ไร่
กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูล “เจ้าพ่อเนสกาแฟ” นายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง ถูกกล่าวหาว่าร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการออกเอกสารสิทธิมิชอบ 2 สำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.กระบี่ จำนวน 66 ไร่เศษ และสร้างสนามกอล์ฟใน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จำนวน 189 ไร่เศษ
ในส่วนของพฤติการณ์ “ฉบับเต็ม” ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. นั้น “กรุงเทพธุรกิจ” นำมาเสนอกันไปแล้ว (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : พฤติการณ์“ประยุทธ มหากิจศิริ”ป.ป.ช.ฟันออกเอกสารสิทธิมิชอบ-ทำสนามกอล์ฟ)
มาดูในส่วนข้อมูลของ “เอกชน” ที่ถูกกล่าวหาคดีนี้กันบ้าง?
กรณีการสร้างสนามกอล์ฟ “เมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์” พื้นที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ปรากฏข้อมูลจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ว่า มีการออกเอกสารสิทธิมิชอบ และทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร และเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) รวมกว่า 189 ไร่
ในสำนวนคดีการสร้างสนามกอล์ฟดังกล่าว ป.ป.ช. แบ่งออกเป็น 3 กรณี ปรากฏรายชื่อเอกชนที่มาซื้อแตกต่างกัน แต่เป็นเครือข่ายตระกูล “มหากิจศิริ” ทั้งหมด ได้แก่
1.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)) ซึ่งเคยปรากฏชื่อนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นกรรมการบริหาร เป็นผู้ซื้อ
2.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท เลควูดคันทรี่คลับ จำกัด (ของตระกูลมหากิจศิริ) มีการซื้อที่ดิน และขอรังวัดแนวเขตที่ดินใหม่ เพื่อนำไปสู่การขอออกโฉนดใหม่ โดยพบว่า มีการนำที่ดินนอกหลักฐานมารวมกันที่ดินตัวเอง ทำให้ที่ดินมีเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น
3.ที่ดินที่มี น.ส.อุษณา มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ มหากิจศิริ) เป็นผู้ซื้อ
สำหรับบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) คือการร่วมทุนกันระหว่างตระกูล “มหากิจศิริ” กับกลุ่มทุน POSCO ของเกาหลีใต้ และกลุ่มทุน NIPPON STEEL ของญี่ปุ่น
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 พบว่า กลุ่มบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)) เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เริ่มต้นซื้อขายเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2547 ทุนปัจจุบัน 7,795,709,100 บาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 622 อาคารเอ็มโพเรียมทาวเวอร์ ชั้นที่ 15/6-8 ถนนสุขุมวิท คลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ผลิตแผ่นเหล็กไร้สนิมรีดเย็น
รายชื่อกรรมการล่าสุด นาย ยอง ชอล ควอนประธานกรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นาย เฉลิมชัย มหากิจศิริ (กึ้ง บุตรนายประยุทธ) กรรมการ นาย ชินยะ โอโซะโนะ กรรมการ นาย จี ซอบ เชว์ กรรมการ น.ส. ซังอึน ซน กรรมการ นาย ซึงโจ คิม กรรมการ นาย แมน เจ ลี กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบ นาย นพดล สระวาสี กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ นาย ส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ
รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มบริษัท POSCO Co.,Ltd. (สัญชาติเกาหลีใต้) ถือหุ้นใหญ่สุด 60.11% และ POSCO, LTD. ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 ที่ 12.89% ส่วนนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 ที่ 10.13% มี NIPPON STEEL STAINLESS STEEL CORPORATION ถือลำดับ 4 ที่ 2.59% และ POSCO โดย บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ถือลำดับ 5 ที่ 1.56%
นำส่งงบการเงินล่าสุด ไตรมาส 2/2564 (สิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564) รายได้รวม 8,314.11 ล้านบาท กำไรสุทธิ 370.76 ล้านบาท ส่วนงบการเงินประจำปี 2563 (สิ้นสุด 31 ธ.ค. 2563) มีรายได้รวม 13,194.65 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 17.43 ล้านบาท
ส่วนบริษัท เลควูดคันทรี่คลับ จำกัด ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 พบว่า จดทะเบียนเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2532 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 99/1 หมู่ที่ 11 ถนนบางนา-ตราด ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด สนามกอล์ฟ
ปรากฏชื่อ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ (กึ้ง บุตรชายนายประยุทธ) นางสาวอุษณา มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ) นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ) นางปราณี วิทยาภาษิต นางพรวิไล หยาง และนายประทีป แสวงลาภ เป็นกรรมการ
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 นายเฉลิมชัย ถือหุ้นใหญ่สุด 96,730 หุ้น (96.73%) บริษัท เลควูด แลนด์ จำกัด ถือ 1,270 หุ้น (1.27%) นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ ถือ 1,000 หุ้น (1%) และนางสาวอุษณา มหากิจศิริ ถือ 1,000 หุ้น (1%)
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 419,558,185 บาท หนี้สินรวม 15,586,008 บาท รายได้รวม 85,264,005 บาท รายจ่ายรวม 108,279,427 บาท ขาดทุนสุทธิ 23,015,421 บาท
ขณะที่ น.ส.อุษณา มหากิจศิริ บุตรสาวของนายประยุทธ ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 43 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ)
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 116 บริษัท (เท่าที่ตรวจสอบพบ)
น.ส.อุษณีย์ มหากิจศิริ เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 30 บริษัท (เท่าที่ตรวจสอบพบ)
ส่วนนายประยุทธ มหากิจศิริ ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 33 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ)
รวมทุนจดทะเบียนบริษัททุกแห่งนับหมื่นล้านบาท
กล่าวสำหรับนายประยุทธ นอกเหนือจากเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรงงานเนสกาแฟแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับกลุ่มนายทักษิณ ชินวัตร โดยเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ต่อมาภายหลังการรัฐประหาร 2549 ได้เงียบหายไปในทางการเมือง
ก่อนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อปลายปี 2561 ปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบริจาคงานระดมทุนโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 10 ล้านบาท
ส่วนนายเฉลิมชัย หรือ “ไฮโซกึ้ง” เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายประยุทธ โดยเป็นเพื่อนร่วมก๊วนเดียวกันกับ “โอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งหมดคือโพรไฟล์ของทายาทตระกูล “มหากิจศิริ” โดยเฉพาะ 2 บริษัทชื่อดัง-บุตรสาว “ประยุทธ” ที่เข้าไปพัวพันถูกชี้มูลกล่าวหาจาก ป.ป.ช. ฐานร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิที่ดินมิชอบอยู่ตอนนี้
อย่างไรก็ดีกระบวนการของ ป.ป.ช. เป็นการกล่าวหาชั้นต้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังมีสิทธิต่อสู้คดีในชั้นอัยการ และชั้นศาล ดังนั้นจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่