นายกฯ สั่งสำรวจปรับกฎ ระเบียบ เบิกจ่ายให้สอดคล้องระบบทำงาน รบ.ดิจิทัล
นายกฯ เร่งหน่วยงานรัฐสำรวจพร้อมปรับปรุงกฎ ระเบียบ การเบิกจ่ายให้สอดคล้องระบบการทำงาน รัฐบาลดิจิทัล และวิถีปฏิบัติใหม่ หนุนการจัดประชุมภาครัฐเป็นกลไกฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ถึงความก้าวหน้าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและเชื่อมโยงกัน
ทั้งนี้ พบว่าหลายหน่วยงานมีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานไปสู่เป้าหมายการเป็นรัฐบาลดิจิทัล แต่ยังมีปัญหากฎระเบียบและข้อบังคับภายในของหน่วยราชการบางประการที่ยังเป็นข้อจำกัดในการนำเทคโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะการบริหารจัดการภายใน เช่น การจัดประชุมที่แม้ว่าปัจจุบันจะสามารถดำเนินการในรูปแบบละช่องทางดิจิทัลตาม พ.ร.ก. ว่าด้วยการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 ได้และสามารถเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์(e-payment) ตามระเบียบกระทรวงการคลังได้
แต่ในหลายหน่วยงานยังคงกำหนดให้ต้องดำเนินการด้วยเอกสาร หนังสือราชการ หรือจำกัดวิธีการติดต่อราชการเฉพาะการติดต่อด้วยตัวบุคคล ณ สถานที่ทำการ ส่งผลให้การอนุมัติการจัดประชุมและการเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นไปอย่างไม่สะดวก รวดเร็ว และไม่เป็นไปตามวิถีปฏิบัติใหม่ (New Normal) ภายใต้ช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจึงได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานเร่งตรวจสอบและปรับปรุงกฎ ระเบียบ ข้อปฏิบัติภายในหน่วยงานให้รองรับและสนับสนุนการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัลมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลให้เกิดเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ หากสามารถพัฒนาระเบียบให้การเบิกจ่ายมีความคล่องตัว เอื้อให้จัดประชุมของหน่วยงานรัฐได้สะดวกขึ้น จะมีส่วนสำคัญให้โครงการต่างๆ โดยเฉพาะที่ต้องมีการจัดประชุมสัมมนาที่ต้องหยุดชะงักในช่วงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาดำเนินการรวดเร็ว และในระยะต่อไปเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลาย ศบค. จะมีการอนุญาตให้จัดประชุมสัมมนาแบบรวมตัวได้ การประชุมหน่วยงานรัฐก็จะเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในระยะต่อไปได้ด้วย