ปชป.ไม่กังวลฝ่ายค้านยื่น ป.ป.ช.สอบระบายยาง-มั่นใจ“เฉลิมชัย”ไร้ทุจริต
“ราเมศ” ไม่กังวล “ฝ่ายค้าน” ยื่น “ป.ป.ช.” ไต่สวนโครงการกระทรวงเกษตรฯ ยอมรับการตรวจสอบ มั่นใจ “เฉลิมชัย” ไร้ทุจริต ชี้ตอนอภิปรายมีแต่ข้อมูลบิดเบือน ไม่ตรงกับความจริง
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้มีการตรวจสอบคณะรัฐมนตรี สืบเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ในส่วนของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีความกังวลใจ เพราะจะเห็นได้ว่าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ได้มีหลักฐานเรื่องทุจริตหรือผิดกฎหมายแต่อย่างใด และที่สำคัญในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ชี้แจงชัดเจนในทุกประเด็น ยุติว่าในเรื่องการระบายยางครั้งที่ 3 มีกระบวนการที่ได้ดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น รัฐไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด ที่สำคัญเป็นการปกป้องประโยชน์ของรัฐ เป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ถ้าได้ติดตามข้อมูลของฝ่ายค้านที่ได้นำมาเสนอในการอภิปราย ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่บิดเบือน ไม่ตรงกับความเป็นจริงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงและภาพถ่ายที่นำมาประกอบเป็นคนละเรื่องกับข้อเท็จจริงในการระบายยางครั้งที่ 3 การดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ยึดกระบวนการที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด กระบวนการในการเปิดประมูลไม่มีการทุจริต สอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มีความเห็นให้การยางแห่งประเทศไทยเร่งระบายขายยางเพื่อลดภาระงบประมาณและนำเงินคืนสู่รัฐ
“ผลจากการระบายยาง เกษตรกรชาวสวนยางได้ประโยชน์มีงบประมาณจากเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเพื่อไปดูแลเกษตรกรปีละ 132 ล้านบาท เหตุเพราะเป็นการลดค่าใช้จ่ายการเก็บรักษาและค่าประกันภัยยางพารา ที่สำคัญราคาอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มปริมาณการซื้อยางภายในประเทศ เหตุเพราะผู้ชนะการประมูลต้องซื้อยางเพิ่มขึ้น 104,763 ตัน ประโยชน์ต่อประเทศคือรัฐบาลได้เสริมสภาพคล่องจากการชำระคืนเงินต้นลดภาระรัฐบาลในการชดเชยอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายถึงปีละ 33 ล้านบาท และประหยัดงบประมาณในการรักษาเสถียรภาพราคายาง ทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล” นายราเมศ กล่าว