“สมพงษ์” ลาออกหัวหน้า “เพื่อไทย” เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” ที่ปรึกษาพรรค
“สมพงษ์” ลาออกหัวหน้า “พรรคเพื่อไทย” เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาว “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษา เผยสัมผัสการเมืองตั้งแต่ 8 ขวบสมัย “พรรคพลังธรรม”
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ในหัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ซึ่งจะเป็นการปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวพรรคเพื่อไทย ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมกล่าวว่า ขอขอบคุณ กรรมการบริหาร ส.ส. สมาชิกทั้งหมด ได้ให้ร่วมมือกับตนในการทำงานนำพาพรรคเพื่อไทยถึงจุดนี้ ในเส้นทางประชาธิปไตย ที่มุ่งมั่นแน่วแน่
หลังจากนั้นนายสมพงษ์ กล่าวถึงการส่งพรรคต่อให้กับคนรุ่นใหม่ และเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ "อุ๊งอิ๊ง" บุตรสาว นายทักษิณ ชินวัตร ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งที่ปรึกษาพรรค ว่า วันนี้ภายใต้กำลังการบริหารหัวหน้าใหม่ ที่ปรึกษารุ่นใหม่ เชื่อมั่นอย่างยิ่ง พรรคจะนำความหวังเป็นจริง อนาคตสดใส นำความเชื่อมั่นประชาชนสู่ประเทศไทย เพื่ออนาคตสมบูรณ์แบบมั่นคง พออกพอใจของประชาชน และได้รับภาคภูมิใจ
ต่อมา น.ส.แพทองธาร ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ตำแหน่งดังกล่าวเป็นหน้าที่ในการเชื่อมต่อรุ่นสู่รุ่นให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งเรื่องความคิด วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากพวกเราต้องมีความเข้าใจคนที่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับเรา ทุกรุ่น เพื่อให้อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ พร้อมมองว่าพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะต้องเป็นตัวแทนของคนทุกรุ่นทุกวัย เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก แต่คนรุ่นใหม่บางกลุ่มกลับไม่สามารถคว้าเทคโนโลยีเหล่านั้นได้
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวว่า ตนเองถือเป็นคนที่โชคดี ที่ตอนเกิด พ่อประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว และมีเวลาให้มากกว่าพี่ทั้ง 2 คน
"เมื่อท่านได้ไปอยู่ที่ต่างประเทศ ดิฉันก็มีเวลาไปหาท่านบ่อย ทุกเดือน หรือแทบจะเดือนเว้นเดือน ตอนนั้นยังไม่มีครอบครัว ก็ได้ไปหาบ่อย ไปทุกครั้ง ก็ได้ไปนั่งคุยกับท่าน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่าน อย่างที่ทุกท่านรู้ว่าคุณพ่อเป็นคนที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยีมาก พอไป ดิฉันได้รับรู้ความรู้สึกของคุณพ่อ รุ่นเบบี้บูมเมอร์ แต่ท่านด้วยความสนใจเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะอัปเดตความรู้ใหม่ๆ ให้ดิฉันเสมอ หรือบางครั้งมีนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติเข้ามาคุยงาน คุยเรื่องธุรกิจ แล้วก็พูดเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปมาก ดิฉันมีความรู้สึกจริงๆ ว่า เสียดายที่พี่น้องคนไทยยังไม่มีโอกาสที่จะได้ไขว่คว้าเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านั้น"
โดย น.ส.แพทองธาร บอกว่า หลังจากที่ได้โอกาสไปพบเจอนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติมากมาย อยากจะให้ตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมในพรรคเพื่อไทย เพื่อจะมีโอกาสผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาส ความหวัง และทำฝันให้พวกเขาเป็นจริง ขณะที่ส่วนตัวยังสัมผัสการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ในวัย 8 ขวบ พ่อก็ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พอ 9 ขวบ พ่อได้เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ที่มักพาไปพบปะประชาชนด้วย จากนั้นอายุ 12 ปี พ่อได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น
"อันนี้เป็นชื่อที่อยู่ในใจเสนอ ตอนที่คิดจะมาซ้อมพูด ขอยอมรับเลยว่าจะพูดว่าพรรคเพื่อไทย จะไปพูดว่าไทยรักไทย มันอยู่ตั้งแต่อายุ 12 ค่ะ ก็มีความรู้สึกผูกพันกับชื่อนี้"
น.ส.แพทองธาร เล่าต่อว่า เคยมีโอกาสไปช่วยหาเสียงกับพ่อทุกภาค และเคยตามพ่อไปประชุมเอเปกที่ประเทศชิลี ที่มีโอกาสได้จับมือผู้นำทุกคน แต่เสียดายที่เทคโนโลยีไม่ดี เลยอดนำรูปมาฝากทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ภูมิใจและเสียดายเล็กน้อย ส่วนตลอดเวลาที่คุยกับพ่อ เคยสงสัยว่าทำไมไม่เหน็ดเหนื่อย จนวันนี้มาเข้าใจแล้วว่าเวลาที่พ่อไปพบประชาชนนั่นคือพลังใจที่แท้จริง เพราะได้ช่วยคนให้มีโอกาส
"ถึงแม้ดิฉันเองจะจบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ตอนปริญญาตรี ดิฉันก็ได้เลือกที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาการบริหารโรงแรม เพราะวางแผนว่าจะทำธุรกิจต่อจากที่บ้าน เพราะดิฉันจริงๆ แล้วไม่เคยคิด และทุกวันนี้ก็ยังไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง เพียงแต่ว่าอยากให้คนรุ่นใหม่ได้รับโอกาส เขาควรจะได้รับโอกาส เพราะทุกวันนี้ภายใต้วิกฤติการเมืองแบบนี้ ทำให้พวกเขามองไม่เห็นว่าอนาคตจะไปทางไหน และมีอะไรรอเขาอยู่ใน Futuer บ้าง ที่ค่อนข้างยาก ดิฉันคิดว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นพรรคการเมืองหลัก มีโอกาสเข้ามาแก้วิกฤติต่างๆ ของประเทศ ทั้งการเมือง สังคม และวิกฤติทางโอกาสคนรุ่นใหม่ ดิฉันจึงตอบรับมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ในด้านของการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมค่ะ"
น.ส.แพทองธาร ยังระบุว่า จะใช้ประสบการณ์ในฐานะคน Gen Y ที่เพิ่งมีลูกเป็น Gen Alpha และยังคลุกคลีกับพ่อ Gen เบบี้บูมเมอร์ เพื่อพัฒนาโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส และทำความฝันของพวกเขาให้เป็นความจริงขึ้น
เธอ กล่าวว่า ก่อนอื่นอยากปฏิรูป 3 อย่าง คือ
1.การศึกษา เพราะการเข้าถึงการศึกษาของไทยยังแย่กว่าประเทศอื่น เข้าถึงเทคโนโลยีน้อยมาก
2.เทคโนโลยี ที่จะต้องเข้าถึงให้มากกว่านี้ เพราะการเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด โดยพ่อยังบอกว่า เด็ก 10 ขวบควรเริ่มเขียนโปแกรมได้แล้ว ส่วนคนที่อายุเลย ก็ไม่มีอะไรที่ช้าเกินไป เพราะเราสามารถเริ่มกันได้ และที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบางพื้นที่ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ส่วนการเรียนที่บ้าน ก็ไม่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รองรับ ผู้เรียนและผู้สอนไม่มีอุปกรณ์รองรับ ดังนั้นรัฐจะต้องลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตให้มากกว่านี้
3.ส่งเสริม Soft Power อย่างจริงจัง เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น บราซิล และต้องสนับสนุนการมีเสรีภาพทางความคิด โดยผู้นำของประเทศต้องมีหัวใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และสร้าง Mindset ให้คนรุ่นใหม่ ว่าโลกทั้งใบคือโอกาส
ช่วงท้าย น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าจะกลายเป็นพรรคของประชาชนทุกรุ่น ทุกสังคมอย่างแท้จริง จากนั้นได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ขอขอบคุณที่ให้โอกาสมาทำงานในฐานะที่ปรึกษาฯ และจะตั้งใจเต็มที่ แม้จะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอมุ่งมั่นในฐานะคนไทย ในฐานะลูกของพ่อ และย้ำว่า คุณพ่อไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านก็ปรารถนาที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ"