“นิพนธ์”พร้อมรับการตรวจสอบปมพ้น “นายก อบจ.สงขลา” เชื่อไม่หลุด “รมต.”
“นิพนธ์” ยันไม่ใช่เรื่องทุจริต ปมถูกคำสั่ง “มท.” ให้ออก “นายก อบจ.สงขลา” หลังถูก “ป.ป.ช.” ชี้มูลคดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถเอกชน 50 ล้าน ลั่นทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์แผ่นดิน พร้อมยอมรับการตรวจสอบ เชื่อมั่นไม่กระทบคุณสมบัติ “รัฐมนตรี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย แถลงข่าวถึงกรณีมีคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย ให้พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา จากการถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด คดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถเอนกประสงค์ 2 คัน 50 ล้านบาทให้แก่เอกชนก่อนหน้านี้ และถูกยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระให้ตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีว่า ไม่มีความรู้สึกกังวลใจกับเรื่องดังกล่าว เคารพในการตรวจสอบของบุคคลที่ได้ไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ท้ายที่สุดให้เป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรต่าง ๆ ในการพิจารณาวินิจฉัย
นายนิพนธ์ กล่าวว่า แต่มีความจำเป็นต้องชี้แจงต่อประชาชนให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่า คดีดังกล่าวได้ชัดเจนในข้อเท็จจริงว่า ยังไม่ถึงที่สุด คดีนี้เมื่อ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัย ซึ่งไม่ใช่กรณีการทุจริต พนักงานอัยการไม่เห็นด้วยในหลายประเด็นและได้ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด กับผู้แทนฝ่าย ป.ป.ช. ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานร่วมกัน ยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิด และคดีดังกล่าวไม่ใช่คดีทุจริต มีข้อเท็จจริงชัดว่าไม่ทำให้งบประมาณแผ่นดินเสียหายไปแม้แต่บาทเดียว เป็นการกระทำที่ทำเพื่อปกป้องเงินของแผ่นดิน ข้อเท็จจริงปรากฏชัดตามสำนวนของ ป.ป.ช.
รมช.มหาดไทย กล่าวอีกว่า กระบวนการต่อมาที่ต้องชี้ให้เห็น คือ การออกคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย เกิดขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกระบวนการของกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ชัดว่า หากไม่ใช่คดีทุจริต กระทรวงมหาดไทยจำต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัยก่อนออกคำสั่ง เพื่อให้มีการสอบสวนให้สิ้นกระแสความ เมื่อคดีอาญายังไม่สิ้นสุด คดีเกี่ยวกับวินัยนำไปสู่การให้ออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงไม่ชอบธรรมเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.505/2553 ตัดสินไว้ชัดว่าเป็นการออกคำสั่งไม่ถูกต้อง และหากจะมีคำสั่งก็ต้องออกคำสั่งภายใน 2 ปี ตามกฎหมาย อบจ. คดีนี้อยู่ในระหว่างการฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าว คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
“ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของความเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ประกอบ มาตรา 98 ซึ่งระบุไว้ชัด ว่า ความเป็นรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลง หากเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือ ถือว่ากระทำการทุจริต เมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น คุณสมบัติของการเป็นรัฐมนตรี จึงไม่ได้มีผลกระทบ แต่บุคคลใดจะไปยื่นคำร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ก็พร้อมน้อมรับการตรวจสอบ ให้องค์กรที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาวินิจฉัย” นายนิพนธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงการแสดงสปิริตทางการเมืองนั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าหากมีการทุจริต คงไม่มีหน้ามายืนอยู่ในตำแหน่งนี้อีกต่อไป แต่เรื่องนี้อย่างที่ได้บอกว่าไม่มีการทุจริต แต่เป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ปกป้องงบประมาณแผ่นดิน เงิน 51 ล้านบาท ยังเก็บรักษาอยู่ที่ อบจ.สงขลา และเรื่องนี้ในทางการเมืองมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ชัดเจนและยุติแล้วในสภาผู้แทนราษฎร เหตุจากการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ปกป้องงบประมาณแผ่นดินของตน ขณะนี้ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ชนะการประมูล และกรรมการบริษัทที่ได้กระทำความผิด ได้ถูกตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และกองปราบปรามสั่งดำเนินคดีอยู่ และส่งเรื่องให้ ปปช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในขณะนี้แล้ว
“เรื่องนี้ต้องเคารพการตรวจสอบที่เป็นธรรม ผลการตรวจสอบออกมาเป็นเช่นใด พร้อมน้อมรับ และจะได้เป็นการพิสูจน์ว่าใครปกป้องคนโกง (ฮั้ว) งบประมาณแผ่นดิน หรือ ใครคือคนปกป้องงบประมาณแผ่นดิน” นายนิพนธ์ กล่าว