"ไพบูลย์" แนะ "กกต." ตรวจสอบ "พรรค-นักการเมือง" มีพฤติกรรม "ล้มล้างปกครอง"
"ไพบูลย์" มองคำวินิจฉัยศาลรธน. ทำให้สถาบันของชาติมั่นคง แนะ กกต. ตรวจสอบ พรรคการเมือง-นักการเมือง เข้าข่ายพฤติกรรมตามศาลฯ ระบุ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้ข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันของแกนนำคณะราษฎร เข้าข่ายการกระทำที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งให้ผู้ถูกร้องเลิกการกระทำรวมถึงการกระทำของเครือข่าย ว่า คำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะทำให้เกิดความมั่นคงในสถาบันของชาติ และผลคำวินิจฉัยดังกล่าวจะมีผลผูกพันต่อทุกองค์กรทั้งตำรวจ, อัยการ และศาลยุติธรรมด้วย
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่าในความเห็นทางกฎหมายตนมองว่า หากพบการกระทำพฤติกรรมตามที่ศาลวินิจฉัย ส่วนของการเมือง เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาว่ามีพรรคการเมืองใดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายด้วยหรือไม่ เพราะจะโยงกับลักษณะของมาตรา 92(1) และ (2) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีผู้เสนอให้แก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นต้องพิจารณารายละเอียดว่ามีผลกระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ซึ่งตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่หากเป็นกรณีที่ให้ยกเลิกมาตรา 112 ถือว่าชัดเจนต่อการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ก่อนหน้านี้พบนักการเมืองเข้าร่วมการชุมนุมที่เข้าข่ายเป็นพฤติกรรมตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยจะมีความผิดด้วยหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน คือ กกต.ต้องพิจารณา แต่จะเข้าข่ายผิดหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี โดยทางกฎหมายนั้นตนมองว่ามีฐานที่พิจารณาได้คือ ความผิดตามกฎหมายอาญา และ ผิดจริยธรรมของนักการเมือง ที่กำหนดให้เป็นค่านิยมหลัก ต่อการยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ