"โฆษกรัฐบาล" จี้ "สุดารัตน์" หยุดเสนอให้รัฐบาล เลิกเก็บภาษีน้ำมัน
โฆษกรัฐบาล โอ่ "นายกฯ" มีแผนรับมือราคาน้ำมันแพง ประคับประคองราคา-ตรึงราคาแก๊ซหุงต้ม พร้อมสั่งหน่วงานรัฐ หามาตรการช่วยเหลือ ชี้ เลิกเก็บภาษีน้ำมัน มีผลกระทบระยะยาว
นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ยุติการเสนอทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงด้วยการให้รัฐบาลยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตรน้ำมัน เพราะทำให้ประชาชนสับสน โดยตนไม่แน่ใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์เสนอโดยไม่รู้ หรือรู้อยู่เต็มอก แต่ต้องการสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตนยืนยันว่านโยบายพลังงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะพลิกโฉมประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
นายธนกร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน และใช้นโยบายประคับประคองราคาน้ำมันและตรึงราคาก๊าซหุงต้ม และสนับสนุนการผลิตการใช้พลังงานทดแทนตามศักยภาพของแหล่งเชื้อเพลิง โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตและบริหารจัดการพลังงาน พร้อมทั้งสนับสนุนแนวทางปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับต้นทุน
"ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทุกรัฐบาลต้องจัดเก็บเพื่อนำภาษีไปใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และเป็น 40% ของรายได้ประเทศ ซึ่งรัฐบาลตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร เพราะเป็นต้นทุนหลักในค่าขนส่ง นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้าพลังงานยังเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นสากล เนื่องจากสินค้าพลังงานสร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างมลภาวะทางอากาศ ส่งผลต่อสุขภาวะของประชาชน รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำแค่ชั่วคราวหรือเฉพาะหน้าได้” นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9,207 ล้านบาท ข้อมูลเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2564 รวมทั้งเงินกู้ยืมที่รัฐบาลได้ขยายกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันจาก 20,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยพยุงราคา พร้อมสั่งให้เตรียมรับมือในอนาคต โดยให้เป็นไปตามมติ กบง. ซึ่งกระทรวงพลังงานประเมินแล้วว่า เงินกองทุน วันนี้ น่าจะเพียงพอใช้ได้ถึงประมาณไตรมาสหนึ่งปี 2565 หากราคาน้ำมันดิบไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะเริ่มอ่อนตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2565.