"ไทยสร้างสรรค์" สะบั้น "ประวิตร" สบช่องดีล "พปชร.-พท."

"ไทยสร้างสรรค์" สะบั้น "ประวิตร"  สบช่องดีล "พปชร.-พท."

เมื่อเกมกำลังเปลี่ยน “พี่ใหญ่” อาจถูกน้องรัก “2 ป.” และลูกน้องสุดเลิฟใน พปชร. ทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีเส้นทางไปต่อของตัวเอง สุดท้ายปลายทาง “พี่ใหญ่” อาจเป็นฝ่ายที่ไร้อนาคต

จับอาการ ให้สัมภาษณ์ของ “พี่ใหญ่ 3 ป.” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วันก่อนด้วยอารมณ์หงุดหงิด ถึง “พรรคไทยสร้างสรรค์” ที่ว่ากันว่า เป็นพรรคใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “น้องเล็ก 3 ป.” 

บิ๊กป้อม” ยืนยันได้แค่ว่า มีพลังประชารัฐ พรรคเดียวเท่านั้นที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่วันยังค่ำ

จะว่าไปแล้ว การจะตั้งพรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับพวกไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเพราะแนวทางนี้ เคยอยู่ในแผนสำรอง หากไปต่อกับพลังประชารัฐไม่ได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ตรงนี้จึงอาจเป็นเหตุผลให้ พล.อ.ประวิตร พยายามหักล้าง หรือไม่ยอมรับการเกิดขึ้นของพรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากรู้ดีว่า ถ้าวันนั้นมาถึง จะส่งผลกระทบ และลดทอนอำนาจของตัวเองในพลังประชารัฐลงไปไม่น้อย

บทบาทของ พล.อ.ประวิตร ในพลังประชารัฐที่เป็นกันชนให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ไม่ให้ถูกแรงปะทะทางอำนาจ หรือการฟันดาบ 2 จาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปลดพ้นตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ จากข้อหาไม่ไว้ใจ เพราะคิดการใหญ่พลิกขั้วรัฐบาล

จึงทำให้แม่บ้านพรรคคนนี้ ยังคงมีที่ทางให้ยืนบนเวทีการเมือง เริ่มกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง และกำลังสยายปีก ขยายขุมอำนาจ ปิดทางเข้าสู่พลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประยุทธ์ 

อีกทั้งการจัดทัพวางตัวผู้สมัคร ส.ส. ของ "ธรรมนัส" ชนิดที่เลือกเฟ้นเฉพาะคนของตัวเอง ไม่เปิดช่องให้คนในขั้วอำนาจอื่นสอดแทรกเข้ามาได้เลย ก็เป็นอีกสัญญาณความมั่นใจว่า การยึดกุมพรรคอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็น

ขณะที่แกนนำพลังประชารัฐกลุ่มอื่นๆ ย่อมอยู่ในพรรคต่อด้วยความลำบากแน่นอน หากยังมี ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาฯ พรรค ถึงขั้นวิจารณ์กันหนักว่า ขนาด ส.ส.เขตยังเอาเฉพาะคนของตัวเอง ไม่ต้องนึกต่อว่า การจัดลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ คนขั้วตรงข้ามจะมีชื่อในลำดับสุ่มเสี่ยงไม่ได้เป็น ส.ส.จะเป็นอย่างไร

การเลือกปฏิบัติเช่นนี้ เท่ากับเป็นการบีบให้กลุ่มอื่นๆ ในพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไปหาบ้านหลังใหม่ 

นักสังเกตการณ์ในพรรคมองว่า ถ้าทำสำเร็จ จะเป็นผลดีกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่จะไร้คู่ต่อกรในพรรคอีกต่อไป และที่ถูกจับจ้องอย่างหนักคือ ทางสะดวกสำหรับดีลอนาคต นำพลังประชารัฐไปจับมือร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยได้ไม่ยาก

การแยกทางของ 2 ป. พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป๊อก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับพวกไปสร้างพรรคใหม่หากเกิดขึ้นจริง ย่อมเป็นการเปลี่ยนเกมการเมืองครั้งสำคัญ  อีกทั้งจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป. ถึงเวลาทางใครทางมัน

ที่สำคัญ ยังส่งผลถึงสถานะ พล.อ.ประวิตร ซึ่งไม่มีใครการันตีได้ว่า บารมีและความเกรงใจจากลูกพรรคที่มีต่อหัวหน้าจะไม่ลดลง ในเมื่อเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส และพล.อ.ประยุทธ์ หมดไป

อีกทั้งความสำคัญของ พล.อ.ประวิตร ที่อยู่ตรงกลาง ถือดุลอำนาจสูง ชี้ชะตาให้ใครแพ้หรือชนะศึกในพลังประชารัฐ บทบาทตรงนั้นอาจหมดตามไปด้วย ถึงขั้นนั้น ความจำเป็นที่ใครบางคนจะใช้ประโยชน์จาก “พี่ใหญ่” มาคอยโอบอุ้มตัวเอง ก็จะหมดไปเช่นเดียวกัน

เป็นความสุ่มเสี่ยงบนเส้นทางอำนาจของ พล.อ.ประวิตร ที่พยายามจะเก็บ ร.อ.ธรรมนัส และพล.อ.ประยุทธ์ คนสำคัญเอาไว้ทั้ง 2 คน ทั้งที่รู้ดีว่าเหมือนน้ำกับไฟ อยู่ด้วยกันไม่ได้

เมื่อเกมกำลังเปลี่ยน “พี่ใหญ่” อาจถูกน้องรัก “2 ป.” และลูกน้องสุดเลิฟในพลังประชารัฐทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีเส้นทางไปต่อของตัวเอง สุดท้ายปลายทาง“พี่ใหญ่”อาจเป็นฝ่ายที่ไร้อนาคต 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์