ตรวจแถวเลือกตั้งซ่อม "สงขลา-ชุมพร" "พรรคเก่า"หาเสียง "พรรคใหม่"หาแสง
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จึงเป็นที่จับตาว่า จะมีผู้สมัคร-พรรคการเมือง เปิดตัวลงสนามเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะเลือกตั้งซ่อม ไม่ได้หวังเอาชนะทางการเมืองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่คาดหวังเปิดตัวทางการเมือง สร้างชื่อ สร้างกระแส
แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะครบเทอมในวันที่ 23 มี.ค. 2566 เหลือเวลาเพียง 1 ปี 3 เดือน แต่เวทีเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 1 จังหวัดชุมพร และเขต 6 จังหวัดสงขลา จะแข่งขันชิงคะแนนกันอย่างดุเดือด
โดยพรรคการเมือง-ว่าที่ผู้สมัคร ไม่สนเงื่อนเวลาการดำรงตำแหน่ง ส.ส. แต่มองสนามเลือกตั้งเป็นเวทีเก็บแต้มทางการเมือง สร้างฐานเสียง-สร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเอง ที่สำคัญแชมป์เก่าอย่าง “ถาวร เสนเนียม” อดีตส.ส.สงขลา “ชุมพล จุลใส” อดีตส.ส.ชุมพร ต้องห่างหายจากสนามเลือกตั้ง ส.ส. ไปอีกอย่างน้อย 10 ปี
ดังนั้นหาก “ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.” คนใด สามารถเบียดขึ้นมาครองเก้าอี้ ส.ส.ได้ ย่อมมีโอกาสที่จะต่อยอดความสำเร็จในการเลือกตั้งสนามใหญ่ และสามารถต่อยอดนั่งเก้าอี้ ส.ส. สงขลา-ชุมพร ได้ในระยะยาวอีกด้วย
สำหรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีแนวโน้มสูงที่จะไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงแข่งแย่งเก้าอี้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เนื่องจากมีเหตุผลทางการเมืองที่ต้องรักษามิตรเอาไว้ แม้ “สมาชิกใหม่” ของพรรคพลังประชารัฐบางคน จะกล่อม “พล.อ.ประวิตร” ให้ส่งผู้สมัครลงสู้ก็ตาม
แถม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มองว่าหากลงแข่งแล้วแพ้ พลังประชารัฐจะเสียทรง เพราะที่ผ่านมา ทำสถิติคว้าชัยเลือกตั้งซ่อมมาทุกสนาม
เวลานี้จึงมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้า ที่เปิดตัวผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ ส.ส. อย่างเป็นทางการ ส่วนพรรคการเมืองอื่นรอดูท่าทีของพรรคใหญ่ หากมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียว ก็มีโอกาสที่จะลองชิมลางเปิดตัวผู้สมัคร เพื่อหยั่งกระแสในพื้นที่ภาคใต้
เลือกตั้งซ่อม เขต 6 จ.สงขลา "พรรคประชาธิปัตย์" ส่ง “สุภาพร กำเนิดผล” รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ภรรยา “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรักษาแชมป์แทน “ถาวร เสนเนียม”
แม้ครั้งหนึ่ง “เดชอิศม์” เคยปราศรัยบนเวทีว่าไม่ชอบการเมืองที่ใช้เครือญาติมาลงเลือกตั้ง ซึ่งคนจ.สงขลาจำได้-จำแม่น แต่ “เดชอิศม์” ยอมกลืนเลือดตัวเอง ผลักดันให้ กก.บห.พรรคประชาธิปัตย์ เลือก “สุภาพร” เป็นผู้สมัครในนามพรรค
ขณะเดียวกัน "พรรคกล้า" ภายใต้การนำของ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า ส่ง “พงศธร สุวรรณรักษา” (ทนายอาร์ม) ทนายความด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน ลงชิงเก้าอี้ แม้รู้ว่ายังเป็นรอง “ประชาธิปัตย์-สุภาพร” อยู่หลายขุม แต่ถือเป็นสนามเปิดตัวก่อนสู้ศึกครั้งใหญ่
โดยผลการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อ 24 มี.ค. 2562 แชมป์เก่า “ถาวร เสนเนียม” ได้ 28,465 ขณะที่ “สมปอง บริสุทธิ์” ได้ 19,317 คะแนน แต่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้อาจจะมีผู้สมัครน้อยกว่าการเลือกตั้งใหญ่ จึงต้องจับตาว่าคะแนนของแต่ละคน-แต่ละพรรคจะได้เท่าไร
สำหรับพื้นที่เขต 1 จ.ชุมพร “อิสรพงษ์ มากอำไพ” เลขานุการนายก อบจ.ชุมพร เป็นหลานภรรยาของ “ชุมพล” ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อป้องกันแชมป์ให้ “ชุมพล”
ด้วยสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง “พล.อ.ประวิตร” กับ “ชุมพล” ที่เคยมีสัญญาใจกันไว้แล้วว่าจะยกทัพหลวงจ.ชุมพร ซบพลังประชารัฐ ทำให้การเลือกตั้งซ่อม “พล.อ.ประวิตร” จะไม่ส่งผู้สมัครมาชนกับเด็กในคาถาของ “ชุมพล”
ขณะที่พรรคกล้าส่ง “ผู้กำกับหนุ่ย” พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งต้องวัดใจว่าจะสามารถเรียกคะแนนได้มากน้อยเพียงใด เพราะในพื้นที่เขต 1 จ.ชุมพร เป็นฐานเสียงหลักของ “ชุมพล” มายาวนาน
สำหรับคะแนนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ได้แก่ “ชุมพล จุลใส” ได้ 42,683 คะแนน “ชวลิต อาจหาญ” ได้ 32,219 คะแนน
“ผู้การสุชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ มาเป็นแม่ทัพปักษ์ใต้พรรคกล้า วิเคราะห์การเลือกตั้งซ่อม 2 สนามปักษ์ใต้รอบนี้ว่า ถ้าต้องการเปลี่ยนการเมือง พรรคกล้ามีโอกาสชนะ
“การเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นการเมืองเก่า ๆ ล้าหลังทุกมิติ ถ้าพี่น้องรวมน้ำใจกันเพื่อเปลี่ยนให้การเมืองดีขึ้น พรรคกล้าพอมีความหวัง พรรคกล้าเสียเปรียบ เพราะเป็นพรรคใหม่-คนใหม่ “พรรคกล้าอยู่ระหว่างกึ่งกลาง ระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ เราเดินสายกลาง”
“จะได้หรือไม่ได้ พรรคกล้าจะใช้เวทีการเลือกตั้งซ่อมทั้งสองเขตเลือกตั้งเป็นการประชาสัมพันธ์พรรค-นโยบายพรรค และเจตนารมณ์ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคกล้าคนใหม่ พรรคใหม่ ขอหาประสบการณ์ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดไปประเมินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประมาณหลังมีนาคม 2566”
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จึงเป็นที่จับตาว่า จะมีผู้สมัคร-พรรคการเมือง เปิดตัวลงสนามเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะเลือกตั้งซ่อม ไม่ได้หวังเอาชนะทางการเมืองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่คาดหวังเปิดตัวทางการเมือง สร้างชื่อ สร้างกระแส เพื่อวางอนาคตของตัวเองเอาไว้ในศึกใหญ่อีกไม่นานนี้