เช็คเสียง 2 ขั้ว "ฝ่ายแค้น" ตัวแปร "ก๊วนธรรมนัส" จุดเสี่ยงแพ้เกม “สภา”
เอฟเฟค การเมือง หลัง “ธรรมนัส” พา 20 ส.ส. ยกพลออกจาก "พรรคพลังประชารัฐ" ที่หลายคนประเมินว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลที่เกิดขึ้น คือ จุดเสี่ยงที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะแพ้เกมใน "สภา"
เกมของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่เดินหมากให้กรรมการบริหาร และส.ส. มีมติขับตนเองพร้อมกับ ส.ส.รวม 21 คน ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
แน่นอนว่า มีผลสะเทือนถึงงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่เสียงข้างมากในสภาฯ มีสภาพ "ปริ่มน้ำ” และอาจเพลี่ยงพล้ำให้ “ฝ่ายค้าน” ได้อย่างง่ายดาย หากคุมเสียง เดินเกมในสภาฯ ไม่ดี
สำหรับ จำนวน ส.ส.ในสภาฯ ล่าสุดมีทั้งสิ้น 475 เสียง แบ่งเป็น ขั้วฝ่ายค้าน 207 เสียง ประกอบด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย 131 เสียง พรรคก้าวไกล 50 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 10 เสียง พรรคประชาชาติ 7 เสียง พรรคเพื่อชาติ 6 เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 เสียง พรรคพลังปวงชนไท 1 เสียง และ พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 เสียง
ขณะที่ ขั้วรัฐบาล ก่อน “ก๊วนธรรมนัส” จะถูกขับ มีส.ส. ทั้งสิ้น 268 เสียง
ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 117 เสียง พรรคภูมิใจไทย 59 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 49 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 12 เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท 5 เสียง พรรคชาติพัฒนา 4 เสียง พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง พรรคไทรักธรรม 1 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง พรรคประชาภิวัฒน์ 1 เสียง พรรคพลเมืองไทย 1 เสียง พรรคพลังชาติไทย 1 เสียง พรรคพลังธรรมใหม่ 1 เสียง พรรคเพื่อชาติไทย 1 เสียง
ในที่นี้ ยังมี 2 ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่แปรพักตร์ มาซบขั้ว “ภูมิใจไทย” คือ คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย
โดยช่องว่างระหว่างตัวเลขของ “ขั้วรัฐบาล” และ “ขั้วฝ่ายค้าน” คือ 61 เสียง
เมื่อหักจำนวน ส.ส.ใน "ก๊วนธรรมนัส” 21 เสียง ประกอบด้วย 1.ร.อ.ธรรมนัส 2.นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร 3.นายจีรเดช ศรีวิลาส ส.ส.พะเยา 4.นายปัญญา จินาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน 5.นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง (ขณะนี้ยังอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ แม้ กกต.จะมีมติให้ใบเหลือง แต่การพ้นสมาชิกภาพนั้นต้องรอศาลฯ สั่งอีกครั้ง)
6.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก 7.นายภาคภูมิ บุญประมุข ส.ส.ตาก 8.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร 9.นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น 10.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.จ.ขอนแก่น 11.นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา 12.นายสมศักด์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา 13.นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา 14.นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี
15.นายณัฐพงษ์ จรัสพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ 16.น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร 17.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี, 18.นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19.พล.ต.ต.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 21.นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ
จะทำให้เสียงรัฐบาลเหลือ 247 เสียง และลดระยะห่างจาก“ฝ่ายค้าน” เหลือเพียง 40 เสียง
ทว่า ในก๊วน “ผู้กองธรรมนัส” ยังพบการเลี้ยงดูปูเสื่อ “ส.ส.กลุ่มพรรคเล็ก” ที่มี ส.ส. 1 คน อยู่อีก 8 คน ซึ่งก๊วนเล็กนี้ มี “นันทนา สงฆ์ประชา” จากพรรคประชาภิวัฒน์ และ “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” จากพรรคไทรักธรรม ทำหน้าที่ประสานงาน
ที่น่าสนใจคือ 21 ส.ส.กลุ่มนี้ บวกกับ ส.ส.ฝากเลี้ยง เหล่านี้ จะกลายเป็น “ขั้วตัวแปร” และส่งผลให้ระยะห่างระหว่าง “ฝ่ายรัฐบาล” และ “ฝ่ายค้าน” อาจลดช่องว่างลงมาอยู่ที่ 32 เสียง
เป็นเสียงปริ่มน้ำที่ท้าทายการควบคุมเกมในสภาเป็นอย่างยิ่ง สุ่มเสี่ยงซ้ำรอย “สภาฯ” ในปีแรก ที่ระยะห่างของตัวเลขของฝั่ง “รัฐบาล” รวม 20 พรรค มี 253 เสียง
ขณะที่ ฝั่ง “ฝ่ายค้าน” 7 พรรคการเมือง ได้ 245 เสียง และกว่า สภาฯ ปีแรก จะประคองรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ พ้นวิกฤติได้ ก็ต้องอาศัย “พลังดูด” และ “พลังกล้วย” ที่มี “ธรรมนัส” เป็นผู้บริหารจัดการ
ทว่า ขณะนี้ “ธรรมนัส” ย้ายตัวเองไปอยู่ฝั่งตรงข้าม “บิ๊กตู่” และพา 20 ส.ส.ตีจาก และอาจย้ายขั้ว
เกมในสภาต่อจากนี้ จึงถูกคาดหมายว่า จะทวีความดุเดือด ทั้งศึกระหว่าง 2 ขั้วรัฐบาล-ฝ่ายค้านเดิม เพิ่มเติมคือ “ขั้วฝ่ายแค้น” และสถานการณ์ในสภา ยังอาจเกิดสภาพ “ต่อรองผลประโยชน์” ในเกมสภาได้ทุกชอต
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวเลขในสภาในสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ที่วนกลับมาอีก ผูกโยงกับอนาคตทางการเมืองของ “พล.อ.ประยุทธ์” รวมถึง “พี่น้อง 3 ป.” หากบริหารจัดการไม่ดี โอกาสที่รัฐบาลจะพังได้ในพริบตา.
