ชัด ๆ โชว์ข้อกล่าวหา “วัฒนา” หนุนซื้อเสียง ศาลฎีการับฟ้อง-หยุดทำหน้าที่ ส.ส.
ชัด ๆ โชว์คำวินิจฉัย “กกต.” ข้อกล่าวหา “วัฒนา สิทธิวัง” หนุน “หัวคะแนน” ซื้อเสียง แจกเงิน 600 บาทจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก่อนชงศาลฎีการับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษา
เป็นอีกหนึ่ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจก “ใบเหลือง” ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งให้มีการ “เลือกตั้งใหม่” ในพื้นที่ จ.ลำปาง เขต 4
สำหรับ “วัฒนา สิทธิวัง” นักการเมืองดังภาคเหนือ และหนึ่งในกลุ่มก๊วน 21 ส.ส. ที่ถูก พปชร.ขับพ้นจากพรรคตาม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” อดีตเลขาธิการ พปชร.ไปเมื่อไม่นานมานี้
ปัจจุบันศาลฎีการับคำร้องดังกล่าวจาก กกต.แล้ว และไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ดังนั้นในทางกฎหมายเมื่อศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น “วัฒนา สิทธิวัง” จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
อ่านข่าว: “วัฒนา” หยุดปฏิบัติหน้าที่! ศาลฎีการับฟ้องปมถูก กกต.กล่าวหาซื้อเสียง
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ส.ส.ลำปาง “ค่ายพลังประชารัฐ” คนนี้โดนข้อกล่าวหาอะไร
กรุงเทพธุรกิจ สืบค้นคำวินิจฉัยของ กกต.มานำเสนอ ดังนี้
คณะกรรมการ กกต. มีคำวินิจฉัยที่ 1173/2564 เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2564 เรื่อง การเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 4 แทนตำแหน่งที่ว่างลง โดย กกต.ได้รับคำร้องว่า นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้ถูกร้องที่ 1และนางเกี๋ยงมา ปุพพโก ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องที่ 2 มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) กรณีผู้ถูกร้องที่ 1 ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อที่จะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนแก่ตนเอง
กกต.พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 เวลาประมาณ 08.30 น. ที่ ต.ล้มแรด อ.เถิน จ.ลำปาง ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้ธนบัตรเย็บติดกัน จำนวน 2 ชุด ชุดละ 300 บาท แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และพูดว่า “ฝากอันนี้ให้แม่” ผู้มีสิทธิเลือกตั้งถามว่า “อันนี้ของเบอร์อะไร” ผู้ถูกร้องที่ 2 ตอบว่า “เบอร์ 1” พร้อมทั้งชูนิ้วมือหนึ่งนิ้วเป็นสัญลักษณ์หมายเลข 1 ซึ่งหมายถึงผู้ถูกร้องที่ 1 ปรากฏตามคลิปวีดีโอคำร้อง
จากการไต่สวนผู้ร้องให้ถ้อยคำว่า ในขณะที่หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย หาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 4 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวเล่าให้ผู้ร้องทราบถึงเหตุการณ์ที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้เงินจำนวน 600 บาทแก่ตนเอง เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนแก่ผู้ถูกร้องที่ 1 และมอบคลิปวีดีโอบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรายนี้ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2563 เวลาประมาณ 17.00 น. หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและคณะ ได้หาเสียงเลือกตั้งที่ตลาดนัดล้อมแรด จ.ลำปาง ตนได้เข้าไปขอถ่ายรูปกับหัวหน้าพรรคนี้ หลังจากนั้นมีสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยคนหนึ่งได้พูดคุยกับตน และสอบถามเกี่ยวกับคะแนนความนิยม พร้อมมีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2563 เวลาบ่าย มารดาของตนบอกให้ตนไปส่งที่ป่าช้าย่าจัน ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง เพื่อจะไปรับเงินซื้อเสียง ตนจึงโทรศัพท์แจ้งสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยคนดังกล่าว โดยบุคคลดังกล่าวบอกให้ตนบันทึกวีดีโอไว้ เมื่อตนไปถึงป่าช้าย่าจันแล้ว เห็นประชาชนประมาณ 100 คนอยู่ในบริเวณดังกล่าว แต่ไม่เห็นการแจกเงิน
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 เวลาประมาณ 08.00 น. ผู้ถูกร้องที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณตรงข้ามบ้านของตน เชื่อว่าผู้ถูกร้องที่ 2 มาแจกเงินซื้อเสียง เพราะมารดาของตนบอกว่าผู้ถูกร้องที่ 2 โทรศัพท์พูดคุยกับมารดาของตนเมื่อ 18 มิ.ย. 2563 จึงตั้งโทรศัพท์ไว้เพื่อบันทึกวีดีโอ ต่อมาเวลาประมาณ 08.30 น. ผู้ถูกร้องที่ 2 เดินเข้ามาภายในบ้านตน และถามถึงมารดาของตน ตนตอบว่ามารดาไปขายของ ผู้ถูกร้องที่ 2 จึงยื่นธนบัตรฉบับละ 100 บาทเย็บติดกัน 2 ชุด ชุดละ 300 บาท พร้อมกับบอกว่า “ฝากให้แม่ด้วย” ตนถามว่า “เบอร์อะไร” ผู้ถูกร้องที่ 2 ตอบว่า “เบอร์ 1” และเดินออกจากบ้านพร้อมกับชูนิ้วชี้เป็นสัญลักษณ์หมายเลข 1 ตนจึงนำธนบัตรดังกล่าวบรรจุในถุงพลาสติกและโทรศัพท์แจ้งสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยดังกล่าวเพื่อนัดพบกัน และได้ส่งคลิปวีดีโอบันทึกเหตุการณ์นี้ รวมถึงธนบัตรที่ได้จากผู้ถูกร้องที่ 2 แก่สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เพื่อนำไปแจ้งความกับตำรวจ และมารดาของตนได้ให้ถ้อยคำทำนองเดียวกันด้วย
จากการไต่สวนนายวัฒนา สิทธิวัง ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้การปฏิเสธ เนื่องจากไม่เคยรู้จักกับผู้ถูกร้องที่ 2
ส่วนผู้ถูกร้องที่ 2 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ได้นำธนบัตรจำนวน 600 บาทไปให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวจริง แต่เป็นธนบัตรฝากให้มารดาเพื่อเป็นค่าอาหารสำหรับน้องชายของตนที่กำลังป่วย และไม่เคยนัดหมายมารดาของผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวให้ไปที่ป่าช้าย่าจันแต่อย่างใด
กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่า คำพูดที่ปรากฏในคลิปวีดีโอดังกล่าว ไม่ปรากฏข้อความใดที่เป็นการกล่าวถึงการชำระค่าอาหารตามที่ผู้ถูกร้องที่ 2 อ้าง และจากการไต่สวนมารดาของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้ถ้อยคำว่า ธนบัตรจำนวน 600 บาทดังกล่าว ไม่ใช่ค่าอาหารที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ว่าจ้างให้ทำอาหารไปส่งให้น้องชายของผู้ถูกร้องที่ 2
ข้อเท็จจริงในชั้นนี้จึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้เงินจำนวน 600 บาท แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งดังกล่าว เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนแก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ตามข้อกล่าวหา กรณีปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 2 จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนแก่ผู้ถูกร้องที่ 1 อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 1 ได้ประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเหตุให้การเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 ลำปาง แทนตำแหน่งที่ว่างลง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกร้องที่ 1 มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ และให้ดำเนินคดีอาญาแก่นางเกี๋ยงมา ปุพพโก ผู้ถูกร้องที่ 2 ตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 158