"วิโรจน์" ประกาศชน ส่วยเมืองกรุง-ราชการรวมศูนย์-นายทุน
"วิโรจน์" ประกาศเป็นผู้ว่าฯกทม. พร้อมแก้ ปัญหาส่วยกทม., ราชการรวมศูนย์ และนายทุนเอาเปรียบปชช. ลั่นกทม.ต้องเป็นเมืองที่คนกทม. พึ่งพิงได้
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ปราศรัยบนเวทีเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพรรคก้าวไกล โดยประกาศจะชนกับ 3 ปัญหา
คือ 1. ส่วยกรุงเทพ การรีดไถ การเก็บค่าคุ้มครองชีพ ที่มีมากกว่า 5,000- 15,000 ล้านบาท หรือ 15% ของงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าตนจะสามารถทำงานกับข้าราชการได้ เพราะมีข้าราชการที่ดีกว่า 90% ดังนั้นถึงเวลาที่ผู้ว่าฯกทม. พิสูจน์กับข้าราชการว่า หากใครโกงต้องไม่โต
“กรุงเทพต้องหยุดไถทันที หากใครมีหลักฐานให้ส่งมา พร้อมลากตัวมาลงโทษ ทั้งนี้ส่วยร่วมมือไม่ได้ เป็นภารกิจสำคัญของผู้ว่าฯกทม. จับมือกับข้าราชการน้ำดี พากทม. ไปสู่ทิศทางที่ดี” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า 2. ระบบราชการส่วนกลาง หรือราชการรวมศูนย์ เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 กทม. ไม่ได้ขาดบุคลากร และสถาบันทางการแพทย์ แต่ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างโรงพยาบาลต่างสังกัดกทม. ดังนั้นหาผู้ว่าฯกทม.ชื่อวิโรจน์ ตนพร้อมชนกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ไม่ได้ชนส่วนตัว แต่จะชนเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนกทม.เข้าถึงการรับบริการสาธารณสุข, การขุดทางเท้า เพื่อวางระบบสาธารณูปโภค โดยต้องคืนสภาพทางเท้าที่ดีให้คนกทม., จัดระเบียบสายไฟฟ้า
“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคนเดินถนน ทางเดินเท้าปีละ 800 คดี ที่หดหู่ใจคือ มีคนถูกรถชนเสียชีวิตบนทางม้าลายคนข้าม สิ่งที่ผู้ว่าฯทำได้ทันที คือ ติดตั้งไฟ, ติดตั้งกล้องวงจรปิด, ติดสัญญาณไฟคนข้าม, ติดสัญญาณให้ชะลอความเร็ว และสิ่งที่ไม่อยู่ในอำนาจแต่ต้องทำให้ได้ คือ คุยกับกองบังคับการตำรวจจราจร และตำรวจท้องที่ให้บังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก มาตรา 22(4) เพื่อให้ทางม้าลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยของประชาชน และคนขับรถมีหน้าที่ชะลอให้คนข้าม ผู้ว่าฯกทม.จะปล่อยให้คนตายบนทางม้าลายในกทม. ไม่ได้ หากบอกว่าไม่ใช่อำนาจ แต่ไม่ทำอะไร ไม่ใช่ผู้ว่าฯของก้าวไกล คนว่าชนคือ ต้องประสาน หากไม่มีความคืบหน้า ต้องไม่ปล่อยความทุกข์ ความเสี่ยงประชาชนอยู่แบบเดิม ต้องจี้ ต้องตาม หากผู้ว่าฯกทม.ยอม คือการลอยแพคนกรุง” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า 3. ต้องชนกับนายทุน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนกทม. เพื่อไม่ให้คนกทม.ถูกเอารัดเอาเปรียบ เช่น ค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคาแพง ที่ตนมองว่าผู้ว่าฯ กทม. ต้องทำให้คนกรุงขึ้นรถไฟฟ้าได้ ทั้งนี้หากตนเป็นผู้ว่าฯ กทม. พร้อมเปิดสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว นอกจากนั้นต้องจัดการผังเมืองคนกทม. เพื่อพัฒนาเมืองให้คนกทม.ได้ไม่ได้ ต้องส่งต่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติเพิ่มอำนาจให้ผู้ว่าฯกทม. ให้ทำงานให้ได้ ทั้งนี้ต้องทำงานประสานกับส.ส. ที่พรรคก้าวไกลมีส.ส.ที่กล้าหาญในสภา
"คนเป็นผู้ว่าฯกทม. ไม่ต้องเป็นคนวิเศษ แต่ต้องมองคนกทม. เป็นญาติ เป็นคนในครอบครัว เป็นพ่อบ้านที่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดเพื่อปกป้องชีวิตคนกรุงเทพ นี่คือหน้าที่ผู้ว่าฯ หากผู้ว่าฯ ชื่อวิโรจน์ ไม่จำเป็นต้องติดอันดับโลก อันดับหนึ่งที่คนต่างชาติใช้ชีวิต แต่ต้องเป็นเมืองที่คนที่มีชีวิตอยู่ ฝากผีฝากไข้ พึ่งพิงได้ ผมพร้อมปักธง ทำงานเอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง พอกันทีกับ กทม.ชีวิตดีๆ ที่ต้องจ่าย หมดเวลาที่ต้องทน ซุกปัญหาไว้ใต้พรม ผมพร้อมอาสาไปชนทุกปัญหาให้กทม." นายวิโรจน์ กล่าว