"บช.น." ระดมกำลัง รับมือ "ม็อบทะลุแก๊ซ เย็นนี้

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอกรอง ผบช.น. โฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. รองโฆษก บช.น. ได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยวันที่ 30 มกราคม ได้มีการนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 5 กลุ่ม และ 1 กลุ่มเฝ้าระวัง ได้แก่ 1.กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) ที่พักค้างแรมบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง 2.กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และกลุ่มแนวร่วม ที่พักค้างแรมบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ใกล้ทำเนียบรัฐบาล 

3.กลุ่ม People ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เวลา 16.00 น. 4.กลุ่มพลเมืองโต้กลับ บริเวณหน้าศาลฎีกา เวลา 17.30 น. 5.กลุ่มภาคีเซฟบางกลอย จัดกิจกรรมคาร์ม็อบเซฟบางกลอย เส้นทางจากจุดชุมนุมของกลุ่มพีมูฟไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 12.00 น. และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทะลุแก๊ซนัดรวมกลุ่มรถจักรยานยนต์ ในเวลา 16.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และจะเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ซึ่งทาง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมดังกล่าว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบันมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ819 คดี ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 456 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 354 คดี

ทาง บช.น.จึงขอย้ำเตือนไปยังผู้ที่คิดก่อเหตุความไม่สงบ และผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมโดยผิดกฎหมายว่า หากมีการก่อเหตุสร้างความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวทุกราย และขอเน้นย้ำว่า แม้กรุงเทพฯ จะถูกปรับให้เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว แต่การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรคนั้น ยังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ