เปิดลงทะเบียน "Test & Go" 1 ก.พ.นี้ นายกฯ กำชับทุกหน่วยดำเนินการอย่างรัดกุม
นายกฯ วางนโยบายให้สอดรับกับสถานการณ์โลก เปิดลงทะเบียน "Test & Go" อีกครั้ง พรุ่งนี้ 1 ก.พ. 2565 กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเข้มแข็งรัดกุม พร้อมต่อยอดท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ให้ประเทศ
เมื่อวันที่ 31 ม.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายให้เดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขที่รัดกุม เพื่อให้ประชาชนในหลายๆ สาขาอาชีพ มีงาน มีรายได้ เพื่อตนเองและครอบครัว แต่ไม่ขัดต่อสถานการณ์การควบคุมโรคโควิด -19 ของทั่วโลก
จึงได้วางนโยบายกำหนดให้ประเทศไทยเริ่มให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศทั่วโลกลงทะเบียน เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยโดยระบบ "Test & Go" ได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 ก.พ. 2565) เป็นต้นไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายขายรับแนวทางการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรี ยืนยันพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศอย่างเต็มที่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขขั้นสูงสุด
อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าต้อนรับนักท่องเที่ยว ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใต้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวด และตามแนวทาง covid free setting โดยได้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซี่งในขณะเดียวกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ปรับมาตรการเพิ่มเติมด้านสาธารณสุข รวมทั้ง ได้มีการเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- "Test and Go" อัพเดทเงื่อนไข ลงทะเบียนผ่าน Thailand Pass ขั้นตอนปฏิบัติ
- ส่องแผนเปิดระบบ "Test & Go" เข้าได้ทุกประเทศ 1 ก.พ. นี้
ในด้านการท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 2-3 แสนคน ใกล้เคียงกับเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนมีนาคม
ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินนโยบายชู Soft Power ของไทย ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยให้โดดเด่น ให้เป็นส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว
รวมทั้ง นอกเหนือจากการท่องเที่ยว ไทยมี Soft Power ที่โดดเด่นในอีกหลายด้าน ได้แก่ กีฬา อาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี เพลง การแสดง และศิลปะ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยแล้วนั้น soft power ดังกล่าวยังจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย
โดยหนังสือพิมพ์ Washington Post ยังได้เปิดเผยว่า ประเทศไทย คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสําหรับการเดินทางในปี 2022 ของชาวอเมริกัน เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับมาดีขึ้นในหลายประเทศ โดยระบุว่า แม้ในช่วงหลังมานี้ชาวอเมริกันให้ความสนใจภูมิภาคเอเชียน้อยลง แต่ประเทศไทยถือเป็นข้อยกเว้น ชาวอเมริกันยังมีความต้องการที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มีความสนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่มาพร้อมกับกิจกรรม อาทิ การฝึกโยคะ และมวยไทย
นายธนกรกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายมุ่งส่งเสริมการใช้ Soft power โดยผลักดันส่งเสริมวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5F เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และได้ปรับกลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยว สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) เพราะเป็นตลาดที่ไทยมีศักยภาพและสามารถสร้างรายได้อีกมาก
โดยนายกฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อม กำหนดเป้าหมาย บูรณาการทำงาน มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมทั้งต้องมีการส่งเสริมและสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้คนไทยทุกคนได้ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อต่อยอดการพัฒนา เอกลักษณ์ วัฒนธรรม และภาคภูมิใจในความเป็นไทยร่วมกัน ซึ่งนายกธนกรฯ ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล ว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่มาถูกทาง รัฐบาลได้ศึกษาเพื่อกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ที่สุดแก่ประเทศและประชาชน