ตำนานกลุ่ม 10 มกราฯสู่ “ก้าวไกล” เส้นทางชีวิต-ธุรกิจ “ถวิล ไพรสณฑ์”
ย้อนปูมชีวิตการเมือง “ถวิล ไพรสณฑ์” ส.ส. 9 สมัย จากกลุ่ม “10 มกราฯ” ขึ้นชั้นรอง ปธ.สภาฯ-รมว.ทบวงมหาวิทยาลัย ยุค “ชวน 1” สายสัมพันธ์ธุรกิจ “เสี่ยโต อภิชัย เตชะอุบล” ก่อนพลิกขั้วซบ “ก้าวไกล”
เป็นอีกหนึ่ง “บิ๊กเนม” การเมืองที่ “พลิกขั้ว-ย้ายข้าง” ในจังหวะที่ทำหลายคน “เซอร์ไพรส์”
สำหรับ “ถวิล ไพรสณฑ์” อดีตนักการเมืองชื่อดัง อดีตรัฐมนตรี และนักกฎหมาย “มือฉมัง” ประจำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จู่ ๆ ไปเปิดตัวซบ “พรรคก้าวไกล” โดยเข้าไปดูแลในส่วนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น พร้อมลั่นวาจาว่า จะไม่ลงสมัคร ส.ส. และจะทำงานอยู่ “เบื้องหลัง” เพียงอย่างเดียว
แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ถวิล” ย้ายพรรค
เส้นทางการเมืองของ “ถวิล ไพรสณฑ์” เจ้าตัวเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะมาเรียนต่อที่ ร.ร.มัธยมวัดเบญจมบพิตร และเข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มการทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ จ.นราธิวาส ก่อนขยับเข้า “เมืองหลวง” มาเป็นเลขานุการนายกเทศมนตรีกรุงเทพมหานคร (สมัยยังไม่มีผู้ว่าฯ กทม.) กระทั่งปี 2526 เจ้าตัวได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยแรกที่บ้านเกิดสังกัด ปชป. ได้รับเลือกตั้ง 2 สมัย ก่อนโยกย้ายมาลงสมัคร ส.ส.กทม. และได้รับเลือกตั้งอีกหลายครั้ง ในหลายพรรคการเมืองทั้ง ปชป. พรรคประชาชน พรรคพลังธรรม ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดย “สอบตก” เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือปี 2562 ที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 39
หลายคนอาจไม่คุ้นหูสำหรับชื่อ “ถวิล ไพรสณฑ์” แต่สำหรับ “คอการเมือง” ช่วงทศวรรษ 2530-2540 ชื่อนี้ค่อนข้างโด่งดัง จากการเป็นหนึ่งในกลุ่มก๊วน “10 มกรา” แห่ง “ค่ายสะตอ” โดยเป็นหนึ่งในคนสนับสนุนให้ “เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรณ์” เป็นหัวหน้าพรรค ทว่าพ่ายแพ้ไป จนต้องโยกย้ายมาก่อตั้ง “พรรคประชาชน” แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ก่อนจะโยกย้ายมาสังกัด “พรรคพลังธรรม” และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในปี 2535 และถึงจุดสูงสุดในทางการเมืองด้วยตำแหน่ง รมว.ทบวงมหาวิทยาลัย (ชื่อกระทรวงขณะนั้น) ในปี 2538 ยุครัฐบาล “ชวน หลีกภัย” 1 ก่อนจะโยกย้ายกลับ “ค่ายสะตอ” ในปี 2539 กระทั่งเพิ่ง “ย้ายพรรค” เมื่อต้น ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา
ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนเห็นสัญญาณมาแล้วว่า “ถวิล ไพรสณฑ์” อาจย้ายออกจากพรรควันใดวันหนึ่ง แม้ว่าเจ้าตัวจะถูกยกให้เป็น “ปรมาจารย์ด้านกฎหมาย” เคยเป็นถึงประธานคณะกรรมการด้านกฎหมายของพรรคก็ตาม แต่ในยุคบารมี “จุรินทร์-เสี่ยต่อ” คับพรรค อาจทำให้ “ถวิล” ไม่มีที่ยืนภายในพรรค
หากจับสัญญาณจะเห็นได้ว่า “คน ปชป.” ที่ออกมาโอดครวญใจหายเรื่องของ “ถวิล” มีแต่กลุ่มก๊วน “เพื่อนมาร์ค” ทั้งสิ้น เช่น นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ออกจากพรรคไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ สังกัดสร้างอนาคตไทย (กลุ่ม 2 กุมาร) และเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. เป็นต้น
ส่วน “ผู้มีอำนาจในค่ายสะตอ” ตอนนี้ แทบไม่รู้สึกอะไรมากนัก เห็นได้จากคำให้สัมภาษณ์ของ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ระบุว่า ไม่ทราบล่วงหน้า แต่ไม่ได้ตกใจ บางทีในพรรคหลายเรื่องก็พูดได้ไม่หมด พรรคจะจัดอะไรตามความเหมาะสมของทุกคนไม่ได้
ขณะที่ “ถวิล” บอกสั้น ๆ ว่า สาเหตุที่ออกจาก ปชป. ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งกับใคร แม้แต่กับ “นายหัวชวน” ก็ตาม แต่เห็นว่ามีอุดมการณ์ตรงกันเรื่องเดียวคือ “การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น” นอกจากนี้ยังมีโอกาสพูดคุยกับณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล ส.ส.กทม.เขตบางขุนเทียน ซึ่งเป็นเขตเดียวกับที่เคยเป็น ส.ส.ในอดีต จึงได้รู้จักและพูดคุยกัน
ดังนั้นประเด็นที่ค้างคาใจ-สาเหตุสำคัญที่ทำให้ “ถวิล ไพรสณฑ์” ย้ายจาก ปชป.คงต้องหาคำตอบกันต่อไป
ในมุมทรัพย์สิน “ถวิล” แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. เมื่อปี 2554 แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 16,029,726 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวม 1,577,253 บาท มีรายจ่ายรวม 1,560,000 บาท
แต่สายสัมพันธ์ในมุมธุรกิจของ “ถวิล ไพรสณฑ์” เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 3 แห่ง ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่าร้าง-เสร็จชำระบัญชีไปแล้ว 2 แห่ง คือ บริษัท บางกอกอีเลคทริคคอนสตรัคชั่น ซิสเต็ม จำกัด และ หจก.สามหมอพัฒนกิจ
เหลือเป็น “กรรมการอิสระ” ในบริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปหรือแวร์เฮาส์ ในนิคมอุตสาหกรรม และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ของ “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. ที่ปัจจุบันตำแหน่งในพรรคกำลัง “ระส่ำระส่าย” เช่นเดียวกัน
เนื่องจากชื่อของ “เสี่ยโต” ถูกผูกโยงกับ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ของกลุ่ม “ผู้กองธรรมนัส” โดยว่ากันว่าเจ้าตัวจะเข้าไปเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่
ทั้งหมดคือประวัติโดยสังเขปของ “ถวิล ไพรสณฑ์” ก่อน “พลิกขั้ว-ย้ายข้าง” ทางการเมืองอีกครั้ง จะประสบความสำเร็จดังใจหวัง หรือมีเบื้องลึกฉากหลังอะไรหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป