“ปิยบุตร” เล่าฉากหลัง! “ถวิล” ซบ “ก้าวไกล” ช่วยงานกระจายอำนาจท้องถิ่น
“ปิยบุตร” ทวิตเล่าฉากหลังชวน “ถวิล ไพรสณฑ์” มาช่วยงาน “กระจายอำนาจท้องถิ่น” คณะก้าวหน้า ก่อนสมัครสมาชิกตลอดชีพ “พรรคก้าวไกล” เผยชื่นชมตั้งแต่สมัยเลือกตั้งพวงใหญ่ ส.ส.กทม.ยุค “พรรคพลังธรรม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2565 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @Piyabutr_FWP เล่าถึงเบื้องหลังกรณีนายถวิล ไพรสณฑ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง อดีตประธานคณะกรรมการด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ย้ายมาสังกัดพรรคก้าวไกล
นายปิยบุตร ระบุว่า เมื่อครั้งก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เดินสายคุยกับนักวิชาการเรื่องกระจายอำนาจหลายคน เพื่อนำมาออกแบบนโยบาย ท่านหนึ่งบอกว่า หาพรรคและนักการเมืองที่จริงจังและสนใจเรื่องกระจายอำนาจได้น้อย ต้องยกชื่อเป็นคน ๆ เขายกมา 3 ชื่อ ได้แก่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง (นักการเมืองชื่อดัง ปัจจุบันอยู่พรรคเพื่อไทย) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (อดีตนายกรัฐมนตรี) และนายถวิล ไพรสณฑ์
“คณะก้าวหน้ากำลังเตรียมการรณรงค์เข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดการแก้ปัญหาเรื่องกระจายอำนาจ ผมรับหน้าที่ยกร่าง จึงเดินสายคุยกับผู้รู้ ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการ เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มีโอกาสพบคุณถวิล ผมได้เสนอความคิดเรื่องนี้ หลายเรื่องเห็นตรงกัน คุณถวิลบอกผมว่า สนใจและได้ยกร่างกฎหมายไว้หลายฉบับ นัดหมายว่า จะนำมาแลกเปลี่ยนกัน วันนี้ ผมพบคุณถวิลอีกครั้ง แกร่างรัฐธรรมนูญ แก้หมวด 14 มาให้ด้วย ผมอ่านแล้ว ไปในทางเดียวกับที่ผมร่างไว้ จึงชวนแกว่า หากเริ่มแคมเปญรณรงค์ ผมต้องการพลังของคนที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้จำนวนมากจากทุกฝ่าย จึงขอชวนคุณถวิลมาร่วมรณรงค์ ให้ความรู้ เดินสายทั่งประเทศด้วยกัน และคณะก้าวหน้าเตรียมทำ academy ปั้นนักการเมืองท้องถิ่น จัดหลักสูตรอบรม ต้องมีผู้บรรยายจากหลายวงการ ผมก็ชวนแกอีก แกตอบรับยินดีร่วมทั้งสองงาน” นายปิยบุตร ระบุ
นายปิยบุตร ระบุอีกว่า ได้ยินชื่อถวิล ไพรสณฑ์ ตั้งแต่เป็นเด็ก สมัยนั้นเลือกเป็นพวงสามคน นายถวิลนำทีมพร้อมด้วยนายเธียร มโนหรทัต และนายสมพัฒน์ กัลยาวินัย ลงเขตจอมทอง บางขุนเทียน ในนามพรรคพลังธรรม มาเจอกันปัจจุบัน ยังดูสุขภาพแข็งแรงเดินเหิน สมองแล่น ไม่น่าเชื่อว่าอายุ 84 ปีแล้ว
“ถ้าย้อนกลับไปดูทฤษฎีการเมืองชี้นำในการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมให้สัมภาษณ์หลายครั้ง (อยู่ในหนังสือ “การเมืองแห่งความหวัง” ขอแอบขายนิดนึง) จะทราบว่าเราต้องการเปลี่ยนคู่ขัดแย้งระหว่างประชาชนที่สนับสนุนสีเสื้อ พรรค ต่างกัน มาเป็นเป็นคู่ขัดแย้งระหว่าง “ประชาชน” กับ “ชนชั้นนำ” คนที่เชียร์ต่างพรรค มีประเด็นที่ต้องการร่วมกันมากมาย เช่น ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปศาล สวัสดิการ ลดความเหลื่อมล้ำ ทลายทุนผูกขาด การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น แต่พอคิดเรื่องเชียร์คนละพรรค ก็ไม่อาจแสวงหาฉันทามติได้ เกิดเป็นความขัดแย้งในหมู่ประชาชนจนชนชั้นนำฉวยโกยผลประโยชน์ไปหมด” นายปิยบุตร ระบุ
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุอีกว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องการหลอมรวม “ประชาชน” ขึ้นใหม่เพื่อไปสู้กับ “ชนชั้นนำ” และทวงเอาประโยชน์ ทรัพยากร อำนาจ กลับมาไว้ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่เจ้าของประเทศ ดังนั้นเราจึงเปิดรับทุกฝ่ายที่มีแนวคิดอุดมการณ์เดียวกันในภาพใหญ่ และมีเงื่อนไขขั้นต่ำต้องยึดมั่นคุณค่าพื้นฐานของพรรค แน่นอนมีข้อผิดพลาด มี “งูเห่า” มีคนที่ละทิ้งเราไปอยู่ที่อื่น แต่ภาพใหญ่ คิดว่าพรรคอนาคตใหม่ปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนความคิดจิตใจคนได้อย่างมีนัยสำคัญ ดึงคนจากหลากหลายฝ่ายเข้ามาร่วมต่อสู้ในประเด็นใหญ่เชิงโครงสร้างด้วยกัน และแสวงหาคะแนนเสียงเพิ่มออกไปจาก “วง” เดิม การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่จำต้องอาศัยคนที่เห็นด้วยกันจำนวนมาก การรณรงค์ทางการเมืองคือ การเปลี่ยนความคิดจิตใจคนให้คนมาร่วมกับเราเพิ่มขึ้น เรื่องกระจายอำนาจ คือการปฏิรูปโครงสร้างรัฐและระบบราชการขนานใหญ่ เรื่องใหญ่แบบนี้ต้องอาศัยคนจำนวนมากเพื่อสร้างฉันทามติ
“ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณถวิล ตอบรับมาร่วมรณรงค์การกระจายอำนาจกับคณะก้าวหน้า นอกจากนี้ ยังสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลตลอดชีพ โดยไม่ขอลง ส.ส. แต่ขอทำงานเรื่องการกระจายอำนาจให้กับพรรคเพื่อผลักดันเป็นนโยบายต่อไป ภารกิจขององค์กรทางการเมืองที่พวกเราเริ่มก่อตั้งขึ้นจากอนาคตใหม่มาก้าวหน้า/ก้าวไกล ยังคงต้องเดินหน้าหลอมรวมประชาชนขึ้นสู้กับกลุ่มคนไม่กี่คนที่กอบโกยประโยชน์และอำนาจ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอันอยุติธรรมเสียใหม่ การหลอมรวมคนหลายฝ่ายในนามประชาชนคนส่วนใหญ่เพื่อสู้กับคน 1% ย่อมดีกว่า การเลี้ยงไข้รักษาความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่สนับสนุนต่างพรรคไว้ แต่ปล่อยให้ชนชั้นนำนักการเมืองได้เข้าไปแบ่งสันปันส่วนประโยชน์กับพวก 1%” นายปิยบุตร ระบุ