ผ่าคดีหุ้น “ธรรมนัส” ในมือ ป.ป.ช. เขย่า “เศรษฐกิจไทย” กล่องดวงใจ “พี่ป้อม”
ผ่าคดี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ในมือ ป.ป.ช. 3 เงื่อนปมสำคัญ ถือครองหุ้นอสังหาฯไม่แจ้งทรัพย์สิน-ไม่แจ้ง “เมีย” ถือหุ้นเกิน 5%-รายได้ขายหวย เดือนละ 3 ล้าน อยู่ระหว่างการวิเคราะห์พยานหลักฐาน ก่อนเชิญ “ผู้กองคนดัง” ชี้แจง
บรรดาบุคคลทางการเมืองที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงเวลานี้ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย อยู่ด้วยอย่างแน่นอน
เพราะถ้อยคำ-ท่าทางเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ออกตัวปฏิเสธกระแสข่าวว่า ไม่ได้อยู่ใน “260 ส.ส.” ก๊วนพิทักษ์รัฐบาล ตามโพยของ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่โชว์ต่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อการันตีเสถียรภาพของรัฐบาล
“ผู้กองธรรมนัส” ยืนกรานเป็น “อิสระ” ในการโหวตลงมติ หากพบว่ามีคนในรัฐบาลถูกกล่าวหา และมีพยานหลักฐานชัดเจน จะไม่ปกป้อง
ทำเอา “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) “นายเก่า” ของ “ผู้กองธรรมนัส” ถึงกับ “งง” เมื่อได้ยิน “คนเคยรัก” เอ่ยปากเช่นนี้
เมื่อ “ผู้กองธรรมนัส” ประกาศ “ปลดแอก” ตัวเองออกจาก พปชร. ทำให้ “คดีความ” ที่คาราคาซังอยู่ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เริ่มกลับมาได้รับความสนใจกันอีกครั้ง
ว่ากันว่า ในช่วงปีงบประมาณ 2565 ตอนนี้ จะเริ่มมีการฟื้นฝอยเร่งไต่สวนคดีที่มีการกล่าวหาบุคคลในรัฐบาล “บิ๊กตู่” เพื่อป้องกันข้อครหา “2 มาตรฐาน” อย่างที่เคยโดนมาตลอด หลังจากก่อนหน้านี้มีแต่การชี้มูลความผิดบุคคลในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทั้งที่เจ้าตัวพ้นเก้าอี้มาตั้งแต่ปี 2557 หรือกว่า 8 ปีแล้ว
ประเด็นนี้ถูกเสนอ-ถูกโยนมาจากหลายฝ่ายในสำนักงาน ป.ป.ช.
คดีของ “ผู้กองธรรมนัส” จึงถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาจเรียกได้ว่าเป็น “คดีเดียว” ของคนในฝ่ายรัฐบาลที่ค่อนข้างพยานหลักฐานครบถ้วน และเป็นรูปธรรมมากที่สุด หากเทียบกับคดีกล่าวหาอื่น ๆ ของคนในรัฐบาล
ปัจจุบัน ร.อ.ธรรมนัส ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวน “บัญชีทรัพย์สินเชิงลึก” โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทั้งจากส่วนกลาง และ ป.ป.ช.พะเยา ไปลงพื้นที่ตรวจสอบทรัพย์สินที่แจ้งครอบครองทั้งหมดแล้ว พร้อมกับประสานขอข้อมูลจากธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัทเอกชนที่เจ้าตัวแจ้ง-ไม่แจ้งแก่ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.พะเยา และกรณีเข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ด้วย
สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส บัญชีทรัพย์สินแจ้งกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.พะเยา เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2562 (มิได้แจ้งกรณีดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แต่สามารถทำได้ เป็นไปตามกฎหมายใหม่ของ ป.ป.ช.) ระบุว่า มีคู่สมรส 2 ราย มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 866,022,010 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 73,361,936 บาท
อย่างไรก็ดีกรณีพ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2564 ร.อ.ธรรมนัส แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 758,847,094 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 178,491,910 บาท
เท่ากับว่าผ่านไป 2 ปีเศษ ร.อ.ธรรมนัส ทรัพย์สินลดลง 107,174,916 บาท มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 105,129,974 บาท
สำหรับกรณีกล่าวหา ร.อ.ธรรมนัส ปัจจุบัน ป.ป.ช. แบ่งการไต่สวนออกเป็น 3 ประเด็น ได้แก่
1.กรณีการถือครองหุ้นบริษัท เดอะบางกอก อะไลฟ์ จำกัด ทำธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เช่าพื้นที่ทำตลาด จำนวน 15,000 หุ้น (คิดเป็น 30% ของทุนจดทะเบียน) แต่มิได้แจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ
2.กรณีนางอริสรา พรหมเผ่า ถือครองหุ้น
- บริษัท สบายใจ มาร์เก็ต จำกัด จำนวน 40,000 หุ้น มูลค่า 4 ล้านบาท (คิดเป็น 80% ของทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท)
- บริษัท ฮันนี สไมล์ ฮอลิเดย์ (2018) จำกัด จำนวน 8,000 หุ้น มูลค่า 200,000 บาท (คิดเป็น 80% ของทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท)
- บริษัท รักษาความปลอดภัย พี.ที.การ์ด จำกัด จำนวน 140,000 หุ้น มูลค่า 14 ล้านบาท (คิดเป็น 70% ของทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท
โดยทั้ง 3 บริษัทนางอริสาถือครองหุ้นเกิน 5% แต่มิได้แจ้งต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอรับประโยชน์ อาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543
3.กรณีการแจ้งรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ปรากฏชื่อถือหุ้นในบริษัทขายสลากแต่อย่างใด
ความคืบหน้าเรื่องเหล่านี้ ปัจจุบันได้ข้อมูลจากหน่วยงานราชการ-หน่วยงานเอกชนมาประกอบการพิจารณาแล้ว อยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์พยานหลักฐาน เพื่อนำมาประกอบในสำนวนให้สมบูรณ์ ก่อนจะให้ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ชนักปักหลัง” ร.อ.ธรรมนัส กรณีนี้ ถ้า “รอด” จะทำให้พ้นทุกมลทินข้อครหา (เท่าที่มีในตอนนี้) และเดินหน้าเล่นการเมืองต่อได้อย่างสบายใจ
แต่ถ้า “ร่วง” เท่ากับว่า “พรรคเศรษฐกิจไทย” ที่อาจเป็น “กล่องดวงใจ” ของ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” จะกลายเป็นง่อย เปลี่ยนโฉมหน้ากระดานการเมืองไทยอีกครั้ง