"วัฒนา" ถึงศาลฎีกา! ฟังคำพิพากษาคดีบ้านเอื้ออาทร ยันบริสุทธิ์ ปัดเรียกเงิน
"วัฒนา" พร้อมทนายเดินทางถึงศาลฎีกาแล้ว! ฟังคำพิพากษาองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ในศาลฎีกา คดีบ้านเอื้ออาทรแน่นอน ยืนยันความบริสุทธิ์ ปัดเรียกรับเงิน หลังถูกตัดสินจำคุก 99 ปี ไม่รอลงอาญา
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายวัฒนา พร้อม นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายวัฒนา ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ในศาลฎีกา คดีบ้านเอื้ออาทร
นายวัฒนา กล่าวว่า มายืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองมาตามหาความเป็นธรรม ได้สู้คดีอย่างเต็มที่ อยากจะขอบคุณกัลยาณมิตร นายนรินท์พงศ์ และอีกหลายคน นายโภคิน พลกุล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยให้กำลังใจ วันนี้มาฟังคำพิพากษาเชื่อว่าจะออกมาตามครรลองเพราะบ้านเมือง กระบวนการยุติธรรมเสียความน่าเชื่อถือมากแล้ว ทุกคนพยายามเอากลับมาอยู่ในที่ในทาง หลักการดำเนินคดีอาญา เป็นพื้นฐานทั้งโลก ที่สำคัญคือองค์ประกอบกฎหมายครบหมด หลักการไปสู่ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ พยานหลักฐานที่นำมาพิสูจน์ข้อกล่าวหาต้องได้มาโดยชอบ คดีนี้ไม่มีอะไรถูกต้องทั้งหมด
“ผมไม่ใช่พูดแบบศรีธนญชัย เชื่อหรือว่ามีการเรียกผู้ประกอบการมาทั้งหมดแล้วเรียกเงิน เชื่อหรือว่ามี พอข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้จะพิสูจน์ต้องไปปั้นสิ่งที่เป็นเท็จมา และสุดท้ายองค์ประกอบกฎหมาย การใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ การกล่าวหาว่าผมเรียกเงิน นั้นผมไม่มีอำนาจ เพราะการเคหะแห่งชาติ มีบอร์ดพิจารณา ถ้ารัฐมนตรีจะทำผิด แค่ผู้สนับสนุน”นายวัฒนากล่าว
วันเดียวกัน ในช่วงเช้า นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @watanamuangsook ยืนยันว่าในเวลา 12.00 น. จะเดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีบ้านเอื้ออาทรที่ศาลฎีกา
"ในเวลา 12.00 น. วันนี้ เจอกันที่ศาลฎีกาครับ เที่ยงนี้ผมไปทานข้าวที่ศาลฎีกาครับ" นายวัฒนา ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ในเวลา 14.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาขององค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ในคดีทุจริตการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ ที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
กรณีนี้ ศาลฎีกาฯ เคยอ่านคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563 โดยพิพากษาจำคุกวัฒนา เมืองสุข ในฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 รวมความผิด 11 กระทง กระทงละ 9 ปี รวม 99 ปี แต่คงจำคุกจริง 50 ปี ต่อมานายวัฒนายื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยมีการตั้งองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์คดีดังกล่าว และให้ประกันตัวนายวัฒนา ออกมา โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์