“สุชาติ-สนธยา”สงบศึกเมืองชลฯ โจทย์ใหญ่"ยกจังหวัด-วัดฐานเสียงใหม่"
"ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อาจจะมาจากลิ่วล้อไปยุแยง เราจึงต้องเคลียร์ตัวเองว่า ไม่มีเจตนาอย่างนั้น เราเคลียร์กันด้วยเหตุผล ผมเป็นเด็ก ผมขอโทษพี่แป๊ะได้ แล้วพี่แป๊ะไม่จำเป็นต้องขอโทษผม ขอให้เข้าใจกัน มันก็จบแล้ว"
ศึกชิงเก้าอี้ “นายกเมืองพัทยา” เดิมพันใหญ่ของ “บ้านใหญ่คุณปลื้ม” ที่ภายหลังสิ้น “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม บรรดาคนในบ้าน ลูกน้อง ต่างแยกย้ายแตกสายกันเติบโต แม้ในทางมารยาทยังให้เกียรติ “บ้านใหญ่คุณปลื้ม” แต่ในทางปฏิบัติ รุกคืบอาณาเขตในหลายพื้นที่
ชื่อของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลูกน้องเก่าของ “กำนันเป๊าะ” ที่ถูกมองเป็นโจทย์เบอร์หนึ่งของ “เดอะแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา หัวหอกบ้านใหญ่ เจเนอเรชั่น 2 ภายหลังออกมาหล่นวาทกรรม “คนเนรคุณ” กับ “แม่ทัพอัลไซเมอร์” จนสั่นสะเทือนเมืองชล
“สุชาติ” ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สุดกับหมาแก่” เนชั่นทีวี 22 ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตอบคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับ “สนธยา” และการวางเกมการเมือง จ.ชลบุรี ทั้งสนามเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา และการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งหน้า
สุชาติ อธิบายสถานการณ์ขัดแย้งก่อนหน้านี้ว่า ข่าวที่ทะเลาะกับนายสนธยา ทำให้ความรู้สึกของคน จ.ชลบุรี ซึ่งต่างคนต่างมีกองเชียร์ และพื้นที่ จ.ชลบุรีซึ่งนายสนธยาก็ดูแลอยู่ จริงๆ ตอนนี้ผู้ใหญ่ที่ตนกับนายสนธยาให้ความเคารพนับถือได้คุยกันแล้ว ผู้ใหญ่ที่ลงมาเคลียร์เขาไม่อยากให้ทะเลาะกัน ซึ่งสุชาติขอไม่เปิดเผยชื่อ
“ผมในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ผมก็ต้องดูแลตรงนี้ ส่วนอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เขาก็เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เราก็ต้องให้เกียรติกัน ในแนวทางการทำงานการเมือง ก็อาจจะขอให้จับมือกัน เพราะถ้าเราสองคนแตกกัน อาจจะมีเชื้อโรคแทรกเข้ามาได้”
สุชาติ มองว่าสาเหตุ “ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อาจจะมาจากลิ่วล้อไปยุแยง เราจึงต้องเคลียร์ตัวเองว่า ไม่มีเจตนาอย่างนั้น เราเคลียร์กันด้วยเหตุผล ผมเป็นเด็ก ผมขอโทษพี่แป๊ะได้ แล้วพี่แป๊ะไม่จำเป็นต้องขอโทษผม ขอให้เข้าใจกัน มันก็จบแล้ว” สุชาติ ระบุ
ผอ.พรรคพลังประชารัฐ อธิบายด้วยว่า โดยหลักการส่งผู้สมัครลง ส.ส.ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคจะให้เครดิตคนเก่าลงสมัครก่อน หลังจากนั้นจะต้องมาคิดว่า พื้นที่ของคู่แข่งจะส่งใครลงสมัครดี อย่างครั้งที่แล้วพรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันพรรคก้าวไกล) ได้ ส.ส.ไป 3 คน เราก็ต้องคิดว่าจะเอาใครมาสู้ในพื้นที่ของพรรคก้าวไกล ซึ่งจะให้สิทธินายอิทธิพล คุณปลื้ม (รมว.วัฒนธรรม) เป็นคนจัดตัวผู้สมัคร เนื่องจากเป็นพื้นที่เก่าของนายอิทธิพล
“ผมเติบโตเป็นนักการเมืองใน อ.เมือง จ.ชลบุรี แล้วตอนนี้ผมว่า ผมคุยกับพี่แป๊ะ(สนธยา คุณปลื้ม)จบแล้ว ผมก็บอกว่าเขต 1 ผมลงอยู่แล้ว เขต 2 ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง เขต 3 รณเทพ อนุวัฒน์ ซึ่งเขาเป็นอยู่แล้วก็ต้องให้เขาลง ส่วนทางพี่แป๊ะเขาขอเขต บางละมุง พัทยา สัตหีบ บ่อวิน เราก็ไม่มีปัญหา”
“ผมเชื่อว่าถ้าเราจับมือกันแล้วเราวางแผนให้ละเอียดจะทำได้ เพราะครั้งที่แล้ว เราอาจจะไปประมาทไปนิด ครั้งที่แล้วเขตที่หนักสุดใน จ.ชลบุรี คือเขต 1-4 เพราะเป็นพื้นที่ของอดีตคนที่เคยอยู่ด้วยกัน แล้วมาแข่งกัน ซึ่งผมคิดว่าถ้าเราอยู่พรรคพลังประชารัฐแล้วช่วยกันทำงาน ทั้ง 10 เขตของ จ.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐชนะยกจังหวัดอย่างแน่นอน และมีโอกาสถึง 90% ส่วนอีก 10% อาจจะเป็นของพรรคก้าวไกล เนื่องจากเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม บริเวณบ่อวิน คนต่างจังหวัดย้ายเข้ามา เราไม่มีความสนิทส่วนตัว ซึ่งน่าจะมีอยู่เพียงเขตเดียว" สุชาติ ประเมิน
ส่วนกรณี การเลือกตั้งระดับนายกเทศมนตรีที่นายสุชาติส่งคนของตัวเองลงมาแข่ง และไปทับทางคนของนายสนธยานั้นเขาชี้แจงว่า “ผมมีความคุ้นเคยกับคนในพื้นที่ และการทำงานการเมืองต้องมีฐานพีระมิดที่แข็งแรง ถ้าเป็นต้นสนลู่ลมอย่างเดียว เราก็อาจจะโดนโค่น พื้นที่ของเราใครที่อยู่กับเรา เราก็ต้องสนับสนุนเขา ซึ่งประชาชนรู้อยู่แล้วใครอยู่กับใคร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเลยจากอ.ศรีราชาไปแล้ว ผมก็ไม่ยุ่ง เพราะเป็นเขตของพี่แป๊ะ(สนธยา)ดูแลอยู่”
สำหรับการแข่งขันชิงนายกเมืองพัทยา ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ตอนนี้ก็เป็นห่วงนายสนธยา เพราะถ้าแข่งกับคณะก้าวหน้าไม่น่ากลัว เพราะเขาไม่ได้ทำการเมืองต่อเนื่อง แต่มีนายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร (อดีตนายกเมืองพัทยา) ซึ่งเป็นอดีตคนในบ้านมาลง ก็น่ากลัว เพราะเขาทำพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีตำแหน่งก็ได้ช่วยชาวบ้านไว้เยอะ
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าบ้านใหญ่ จ.ชลบุรี ยุคนี้ "ใจไม่ถึง พึ่งไม่ได้" นายสุชาติ กล่าวว่า “ผมไม่ก้าวล่วงดีกว่า เพราะสไตล์การทำงานการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนกัน สไตล์ผม บ้า ดุดัน ชาวบ้านโทรหาผม ผมรับสายหมด”
เมื่อถามว่าสำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในเมืองพัทยาตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่นายสนธยา จะลงสมัครเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา แต่หากไม่ลงก็อาจจะส่งนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีตส.ส.ชลบุรี ลงแทนหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า หลังจากที่ตนกับนายสนธยามีวาทกรรมกันนิดหน่อย ฝ่ายตรงข้ามนายสนธยาก็โทรหาตน ขอให้ไปช่วยเยอะมาก แต่คิดว่าเป็นการยืมมือตนมากกว่า ซึ่งตนไม่ได้มีปัญหาขนาดนั้น มีปัญหาการเลือกตั้งระดับชาติเท่านั้น แต่การเมืองท้องถิ่นไม่เคยยุ่ง ยิ่งเป็นรัฐมนตรี ตนยุ่งไม่ได้
กลุ่มที่จะแข่งกับนายสนธยา มีกลุ่มของคณะก้าวหน้า ซึ่งเดินอยู่ในพื้นที่แล้ว อีกกลุ่มคือกลุ่มของนายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ซึ่งรู้จักกัน ตั้งแต่ตนอยู่กับกลุ่มของกำนันเป๊าะ ซึ่งมีหลายทีมที่อยู่รอบตัวนายนิรันดร์ ได้ประสานงานให้ไปช่วย ซึ่งตนก็ไม่ได้มีปัญหากับนายนิรันดร์
“ตอนนี้ความขัดแย้งมันจบแล้ว อย่างน้อยผมไม่ไปช่วยนายนิรันดร์ ผมไม่ไปช่วยคณะก้าวหน้า ก็โอเคแล้ว ผมอยู่นิ่งๆ และผมไม่เข้าทางใครง่ายๆ” สุชาติ” เคลียร์
เมื่อปิดประเด็นเรื่องความขัดแย้ง แต่โจทย์ใหญ่ที่ท้าทายนักการเมืองท้องถิ่นในยุคนี้คือ ลักษณะประชากรของเมืองพัทยา ที่สุชาติ ในฐานะ รมว.แรงงาน มองเห็นจุดอ่อนนี้ว่า “ระยะหลังมีประชากรแฝงเยอะ บางคนเราทำดีแทบตาย เขาไม่มีสิทธิ์เลือก เราก็ไม่รู้ คนพัทยามีคนเก่า 30% ส่วนอีก 70% เขาเพิ่งย้ายมา ทำให้ประวัติศาสตร์ทางใจกับบ้านใหญ่มีน้อย ซึ่ง 70% ส่วนหนึ่งมาเป็นลูกจ้างของคนเก่าแก่ใน 30% ตรงนี้ก็ต้องช่วยกัน” สุชาติ ทิ้งการบ้านให้ช่วยกันคิด