ชี้ชะตาวันนี้ “ตุลาการ” ถกปมร้อน “วรวิทย์” นั่งประธานศาลรธน.ต่อหรือไม่

ชี้ชะตาวันนี้ “ตุลาการ” ถกปมร้อน “วรวิทย์” นั่งประธานศาลรธน.ต่อหรือไม่

“ตุลกาการศาลรธน.” หารือกันวันนี้ เคลียร์ปมร้อน “วรวิทย์ กังศศิเทียม” นั่งประธานศาลรธน.ต่อได้หรือไม่ หลังอายุครบ 70 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2550 และดำรงตำแหน่งเกิน 7 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 เผยตุลาการแบ่งออกเป็นสองขั้ว จับตาอาจเลื่อนพิจารณาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้จะมีการประชุมปรึกษาคดีกรณีที่ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ จะมีอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ (เกิด 1 มี.ค.2495) ทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับคุณสมบัติของ “วรวิทย์” ว่าจะยึดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือรัฐธรรมนูญปี 2560 ภายหลังเลื่อนการพิจารณามาจากวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา

โดยกรณีดังกล่าวรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในตำแหน่งไม่เกิน 9 ปี หรือต้องอายุไม่เกิน 70 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องใดมาถึงก่อนหลัง กรณีของ “วรวิทย์” จะอายุครบ 70 ปีก่อนถึงวาระ 9 ปี ซึ่งวรวิทย์ ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2557 และอยู่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐรรมนูญมาแล้ว 7 ปี 6 เดือน

สำหรับรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในตำแหน่งไม่เกิน 7 ปี หรือต้องอายุไม่เกิน 70 ปี แต่สามารถขยายอายุไม่ให้เกิน 75 ได้

ปมดังกล่าวทำให้เกิดความเห็นแย้งกันเองของ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 9 คนทำให้ต้องหารือกัน “นอกรอบ” เพื่อเคลียร์ปัญหาให้แล้วเสร็จ แต่ความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เป็นเอกฉันท์ เพราะช่องว่างของรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ลักลั่นกันอยู่

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ประกอบด้วย 1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 2.ศ.พิเศษ ดร.จิรนิติ หะวานนท์ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 4.นายวิรุฬห์ แสงเทียน รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 6.ศ.ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 7.ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ 8.นายปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ 9.นายนภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ
 

มีกระแสข่าวว่า กรณีนี้ความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แบ่งออกเป็น 2 ขั้ว โดยขั้วแรกมี 5 เสียง ซึ่งขั้วนี้มีแนวทางให้นำรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญปี 2560 มาฟิวชั่นกัน โดยมีความเห็นสอดคล้องกันว่า “วรวิทย์” สามารถดำรงตำแหน่ง อยู่ในวาระต่อไปครบ 9 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2550 และขยายอายุจากไม่เกิน 70 เป็นไม่เกิน 75 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 เปิดช่องไว้

ขั้วที่สองมี 4 เสียง เห็นว่า ความเห็นของขั้วแรกไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก “วรวิทย์” ได้ประโยชน์จากการสรรหาตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่กำหนดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี

ขณะที่ “วรวิทย์” เอง ได้ให้สำนักงานเลขาธิการศาล ยึดเกณฑ์อายุตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่กำหนดวาระดำรงตำแหน่งให้สามารถขยายอายุจาก 70 ปี ได้ถึง 75 ปี

ขณะที่อีกด้านได้มีความเห็นว่า ไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดที่วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญได้ หากปล่อยให้มีองค์กรหรือหน่วยงานใดทำได้ จะเกิดบรรทัดฐานใหม่ทางกฎหมายทันที โดยเฉพาะ “วงการศาล” ที่อาจมีการฉวยโอกาสยื่นให้วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ และกรณีอื่นในอนาคต
 

นอกจากนี้ ยังมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนมีความเห็นว่าในการประชุม หากมีการพิจารณาวาระดังกล่าว “วรวิทย์” ก็ไม่ควรอยู่ในห้องประชุม เพราะตนเองมีส่วนได้ส่วนเสีย เนื่องจากมีแนวโน้มว่า “วรวิทย์”จะเข้าร่วมโหวตวาระดังกล่าวด้วย เพราะหากตัดคะแนนของ “วรวิทย์” ออก จะทำให้เสียงของสองขั้วเท่ากันที่ 4 ต่อ 4 เสียง

โดยปมความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่ง “ประธานศาลรัฐธรรมนูญ” ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ จำเป็นต้องตีความรัฐธรรมนูญอย่างรอบคอบ เพราะหากยึดหลักตีความเข้าข้างตัวเอง อาจถูกนำไปเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นได้

โดยเฉพาะปมการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความลักลั่นจากรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญปี 2560 ในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน

ต้องจับตาว่าวาระร้อนในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ที่สุดผลจะออกมาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมามีการหารือนอกรอบหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป แม้จะมีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมวันนี้ แต่มีความเป็นได้สูงที่จะมีการเลื่อนการพิจารณาอีกครั้ง