“เฉลิมชัย” เปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกทม. - สก. ลั่น ทุกที่คือประชาธิปัตย์
“เฉลิมชัย” เปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กทม. - สก. ลั่นทุกที่คือประชาธิปัตย์ เรียกคืนความเป็นประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯกลับคืนมา
ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำพิธีเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. รวมทั้งผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค มีอดีต ส.ส. กทม.ร่วมงานภายใต้แนวคิด ประชาธิปัตย์ รวมใจเป็นหนึ่งเดียว “Whole – of - Democrat”
โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์รอคอยอยู่ นับตั้งแต่ปี 2562 พรรคได้บ่มเพาะทุกอย่างเพื่อที่จะรอคอยวันที่เราจะกลับมาเป็นผู้นำ กทม. อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับได้เล่าความไฝ่ฝันของตนว่า ได้ฝันไว้ตั้งแต่วันที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคครั้งแรก ในปี 2554 ว่ากรุงเทพฯ จะต้องเป็นเมืองที่ผู้บริหารกรุงเทพมหานครคืออนาคตของประเทศไทย ซึ่งฝันนี้เป็นความมุ่งมั่น เพราะต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยน เพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทย ต้องเปลี่ยนกรุงเทพฯ ก่อน
ดังนั้น จึงต้องการเห็นคนรุ่นใหม่ๆ มีโอกาสเข้ามาทำงานทางการเมือง มีโอกาสมาเป็นผู้บริหารโดยมีคนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยงเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าแต่ละก้าวหน้าด้วยความมั่นคง นี่คือจุดเริ่มต้นที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเลือก นายสุชัชวีร์ มาเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการคัดเลือกผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ก็มีการคัดเลือกคนเลือดใหม่ รุ่นใหม่เข้ามาผสมผสานเพื่อรองรับการบริหารกรุงเทพมหานครในวันข้างหน้า
“วันนี้ผมถึงบอกว่าเป็นวันที่รอคอย และเป็นวันที่ประชาธิปัตย์จะกลับมารวมใจกันอีกครั้งหนึ่ง ประชาธิปัตย์จะอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ ใน 77จังหวัดประเทศไทย จะอยู่ตารางนิ้ว ตารางเซน หรือตารางเมตร ตรงไหนก็แล้วแต่ วันนี้ต้องมา ดร.เอ้ ให้เป็นผู้ว่ากรุงเทพฯ ให้ได้ ผมขอเชิญชวน เรียกร้อง และวิงวอนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เลือดเนื้อพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ทั่วกรุงเทพฯ ที่อยู่ทั่วประเทศไทย วันนี้เราต้องมารวมใจให้เป็นหนึ่ง และทำให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เป็น ผู้ว่าฯ กทม. เป็น ส.ก. กทมให้ได้ นั่นคือเป้าหมายสูงสุด” นายเฉลิมชัยกล่าว
พร้อมกับกล่าวอีกว่า ความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ 76 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ผ่านมาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ผ่านมาโดยการสะสมอุดมการณ์ สะสมประสบการณ์ แม้จะมีผิดบ้างถูกบ้าง แต่เชื่อว่ามันคือการพัฒนาตัวเอง และวันนี้จุดไหนที่เป็นจุดบกพร่อง จุดไหนที่ยังไม่เหมาะสม เราก็มาคิดปรับปรุงแก้ไขและก็นำมาปฏิบัติ จุดไหนที่ดีก็นำมาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น จุดไหนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเราก็เปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือประชาธิปัตย์ยุคใหม่ แต่อุดมการณ์และหลักการคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่มีหลักการ ถ้าเราไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีทางที่จะเป็นประชาธิปัตย์ได้ ส่วนวิธีการก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ประสบชัยชนะภายใต้กฎหมาย
“ผมอยากจะเห็นว่า ผมไปในเขตไหนก็แล้วแต่ ทุกเขต ประชาธิปัตย์มีทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด ให้ผมมีความรู้สึกว่า กรุงเทพฯ ไม่มีเขต ให้มีความรู้สึกว่าทุกที่คือประชาธิปัตย์ ผมเชื่อมั่นว่า ความเป็นเป็นหนึ่งเดียวของเราตรงนี้ จะเรียกคืนความเป็นประชาธิปัตย์ที่กรุงเทพฯกลับคืนมาให้เราได้ ผมเชื่อว่า ความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มีกับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้เสื่อมคลายไป เราต้องทำให้เขากลับมามีความศรัทธามีความเชื่อมั่นในพรรคเราอีกครั้งหนึ่ง นี่คือจุดเริ่มต้น ถ้าเริ่มต้นดีทุกอย่างมันก็จะเดินไปด้วยความราบรื่น ผมขอให้กำลังใจ ส่งใจ และเทใจด้วยซ้ำให้กับทุกๆ คน ทั้งผู้ว่าฯ และผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคประชาธิปัตย์ ผมมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าประวัติศาสตร์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” นายเฉลิมชัยกล่าว