ขายตรง "อุ๊งอิ๊ง" ตามล่า "7 ล้านเสียง" ที่หายไป

ขายตรง "อุ๊งอิ๊ง" ตามล่า "7 ล้านเสียง" ที่หายไป

ปฏิบัติการทวงคืน 14 ล้านเสียง ผ่านกลยุทธ์ขายตรงอุ๊งอิ๊ง จะประสบความสำเร็จเหมือนสมัยนารีขี่ม้าขาวภาคแรกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมือของ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทยทั้ง 400 เขต

เฉลยแล้ว ภารกิจทวงคืน 14 ล้านเสียง ของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็คือการมอบหมายให้ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 400 เขต ไปหาสมาชิกครอบครัวเพิ่มให้ได้ตามเป้าหมาย

จริงๆแล้ว กลยุทธ์ที่ว่านี้ก็ไม่ต่างจาก MLM (Multi-Level Marketing) หรือธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing) ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ,โปรโมชั่น ,นักขายฝีปากเยี่ยม ,เซอร์วิสเป็นเลิศ และเครือข่ายที่ครอบคลุม

อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของเถ้าแก่โทนี่ ก็ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของนักขายเพื่อไทย จะหาสมาชิกเพิ่มได้หรือไม่ เนื่องจากการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 เพื่อไทยมีแค่ 7 ล้านเสียงเท่านั้น

นับแต่ทักษิณ ชินวัตร สร้างบ้านหลังแรกคือ พรรคไทยรักไทย ผ่านมาถึงพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย จากปี 2544-2554 ไม่เคยได้คะแนนเสียงรวมทั้งประเทศเป็นเลขหลักตัวเดียว 

การเลือกตั้ง ส.ส. 6 ม.ค.2544 ทักษิณคิดใหม่ ทำใหม่ ได้ฉายาอัศวินควายดำ นำทัพไทยรักไทย กวาดไป 11,634,495 คะแนน หลังจากทักษิณนั้น ไล่ควบรวมพรรค จนทำให้ไทยรักไทยโตก้าวกระโดด

การเลือกตั้ง ส.ส. 6 ก.พ.2548 ทักษิณสมัยที่ 2 ได้สร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ ไทยรักไทยโกยแต้มไปได้ 18,993,073 คะแนน ทักษิณตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
 

การเลือกตั้ง ส.ส. 23 ธ.ค.2550 หลังรัฐประหาร 2549 ทักษิณปักหลักอยู่ต่างประเทศ มอบให้สมัคร สุนทรเวช นำทัพพลังประชาชน ได้ 12,338,90 คะแนน สะท้อนทักษิณยังอยู่ในใจคนรากหญ้า

การเลือกตั้ง ส.ส. 3 ก.ค.2554 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลุยสมรภูมิการเมือง นารีขี่ม้าขาวสร้างปรากฏการณ์เพื่อไทยแลนด์สไลด์ กวาดทั้งประเทศได้ 15,752,470 คะแนน 

บริบทการเมืองยุคนั้น มีปรากฏการณ์แดงทั้งแผ่นดิน และคนเสื้อแดงเป็นกองหนุนสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสนารีขี่ม้าขาว 

การเลือกตั้ง ส.ส. 24 มี.ค.2562 ทักษิณเล่นใหญ่ไฟกระพริบ ตั้งพรรคไทยรักษาชาติ แต่เจออุบัติเหตุการเมือง ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยแต้มลดเหลือ 7,881,006 คะแนน

ครอบครัวทักษิณเคยโตสูงสุดถึง 18 ล้านเสียง แต่ 3 ปีที่แล้ว เหลือแค่ 7 ล้านเสียง ด้วยเหตุปัจจัยหลักๆคือ การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่(พรรคก้าวไกล) และ ส.ส.บ้านใหญ่ทิ้งเพื่อไทย ไปสังกัดพลังประชารัฐ
 

ผ่านมาถึงวันนี้ พรรคก้าวไกลยังเติบโตไปตามโครงสร้างประชากร นิวโหวตเตอร์ส่วนใหญ่มีความชื่นชอบธนาธร จึงรุ่งเรือง และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะเดียวกัน คณะก้าวหน้าก็เจาะถึงคนรากหญ้าผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่น

ส่วน ส.ส.บ้านใหญ่ ในภาคเหนือตอนล่าง ,ภาคกลาง,ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ที่อำลาเพื่อไทยไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ยอมย้ายกลับบ้านหลังเก่า จึงทำให้ค่ายเพื่อไทยยอมรับสภาพว่า พื้นที่ภาคกลางคงยากที่จะฟื้นคืนมาเหมือนยุคไทยรักไทยรุ่งเรือง

ดังนั้น กลยุทธ์ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม จึงต้องมาในนาทีนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำกลุ่มแคร์ให้สัมภาษณ์สื่อว่า คอนเซ็ปต์ครอบครัวเพื่อไทย เป็นขบวนการหนึ่งที่ทำให้สามารถระดมความคิดของคนที่มีจิตวิญญาณเดียวมาร่วมกันได้มากขึ้น

ต่อไปนี้ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ต้องหาสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยให้ได้เขตละ 2-3 หมื่นคน รวมถึง ส.ส.ต้องมี 3 หมื่นคนต่อเขต เมื่อรวมทั้ง 400 เขตก็ได้ประมาณ 12 ล้านเสียง

ปฏิบัติการทวงคืน 14 ล้านเสียง ผ่านกลยุทธ์ขายตรงอุ๊งอิ๊ง จะประสบความสำเร็จเหมือนสมัยนารีขี่ม้าขาวภาคแรกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมือของ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทยทั้ง 400 เขต