"โภคิน" แนะ "กมธ." ถกปม "ส.ส.พึงมี" ให้พรรคเล็กได้โต กัน ผู้ชนะกินหมด
"โภคิน" แนะ กมธ.กฎหมายลูกเลือกตั้ง ควร ถก ปม "ส.ส.พึงมี" ชี้ บัตร 2 ใบ ใช้ 500 หารได้ กันระบบผู้ชนะกินหมด อย่างที่เคยเกิด สมัย รธน.40-50 หวัง ให้พรรคเล็ก โตได้ ไม่ขัด ใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศ ลั่น "ไทยสร้างไทย" พร้อมสู้ทุกกติกา
นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่อยู่ในชั้นกรรมาธิการว่า ปัญหาสำคัญที่ กรรมาธิการฯ ควรถกเถียง คือบทบัญญัติที่ไม่มีการกำหนด ส.ส.พึงมี เช่นพรรคการเมืองได้รับคะแนนเสียงเท่าใด เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์เท่าใดของทั้งหมด ก็จะได้จำนวนที่นั่งตามเปอร์เซ็นต์นั้นๆ ควรถูกหยิบยกมาพูดคุยมากที่สุดหรือไม่ แต่ที่เห็นมีการแก้ไขใหม่ จะกลับไปใช้รูปแบบเหมือนรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบัตร 1 ใบหรือ 2 ใบ จึงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้
นายโภคิน กล่าวว่า การกลับไปใช้บัตร 2 ใบก็สามารถคิดคำนวณส.ส.พึงมีได้ โดยใช้จำนวน500 เป็นตัวหาร ออกมาเป็นส.ส.พึงมี ซึ่งหากพรรคใดได้ส.ส.เขตเท่ากับหรือเกินจำนวนส.ส.พึงมีหรือพึงได้แล้ว ก็จะไม่ได้รับการคํานวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่รัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่กำหนดให้มีส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพียง100 คน แม้มีการกำหนด ส.ส.พึงมี สัดส่วนที่จะมาแก้ไขความไม่สอดคล้องระหว่างคะแนนที่ได้รับกับที่นั่งที่ได้จริงก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดระบบผู้ชนะกินหมด หรือ Winner take all เช่นที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และ 2550
นายโภคิน กล่าวว่า ดังนั้น พรรคขนาดเล็กที่เคยได้ 10 ที่นั่ง อาจจะเหลือเพียง 5 หรือ 6 ที่นั่งเท่านั้น หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็เป็นได้ เพราะความนิยมของพรรคขนาดเล็กที่ไม่สูงเท่าพรรคขนาดใหญ่ ส่วนการเลือกตั้งในครั้งนี้ส่วนตัวไม่ขัดข้องหากจะใช้เบอร์เดียวทั้ง 2 ระบบทั่วประเทศ แต่เรื่องใหญ่ที่ควรถกเถียงกัน คือระบบควรจะมีส.ส.พึงมีหรือไม่ ซึ่งหากกังวลว่าจะมีพรรคเล็กเช่นพรรคละไม่เกินหนึ่งคนมากเกินไป ก็สามารถกำหนดได้ว่าต้องได้คะแนนเสียงทั้งประเทศเท่าใด เช่น 1% หรือ 2% จึงจะได้รับการคำนวนหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ
“ที่ถกเถียงกันขณะนี้คือประเด็นว่าตนเองจะได้เปรียบหรือได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การถกเถียงไม่อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม และการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกสัดส่วนมีโอกาสที่จะได้ ส.ส.ของตนเอง และหากประชาชนที่ต้องการมีทางเลือกอื่นๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ท้ายที่สุดก็จะเหลือเพียง 4 - 5 พรรคใหญ่ หรือพรรคขนาดกลางเท่านั้น ดังนั้น ควรเปิดช่องให้พรรคขนาดเล็กสามารถเติบโตได้” นายโภคิน กล่าว
นายโภคิน กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบ ทุกกติกาการเลือกตั้งแต่หากอยากเห็นประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลง ภายใต้กติกาที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง ต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่คำนึงว่าพรรคของตนเองจะได้รับชัยชนะเพียงอย่างเดียว โดยหารูปแบบหรือกลไกเพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ต้องการ ทั้งนี้ หากเริ่มต้นโดยไม่มีความเป็นธรรม ตั้งแต่กระบวนการหรือระบบเลือกตั้งแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็ไม่สามารถจบสิ้นได้