พลิกประวัติ-ทรัพย์สิน “เอ๋ ปารีณา” รายแรกศาลฟันผิดจริยธรรม-จ่อคิวอีก 5 คน

นับเป็นนักการเมืองรายแรก ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561

สำหรับ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยนอกจากจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. แล้ว ศาลยังสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี โดยตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เท่ากับว่า น.ส.ปารีณา ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งการเมืองระดับชาติ และท้องถิ่น รวมถึงไม่มีสิทธิ์เป็นกรรมการบริหาร หรือสมาชิกพรรคการเมืองอีกตลอดชีวิต

อ่านข่าว: ปิดฉาก “ปารีณา” ศาลฎีกาฟันผิดจริยธรรม พ้น ส.ส.-ห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิต

หลายคนอาจเพิ่งรู้จัก “เอ๋ ปารีณา” ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยเป็น “นักการเมืองหญิง” ไม่กี่รายที่มีประเด็น “วิวาทะ” กับฝ่ายตรงข้ามเกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะลีลาการยกมือประท้วง “ฝ่ายค้าน” ในสภาฯ ทำหน้าที่ “องค์รักษ์พิทักษ์ลุงตู่” เสมอมา

“ปารีณา” คือบุตรสาวของ “ทวี ไกรคุปต์” อดีต ส.ส. 7 สมัย นักการเมืองชื่อดังใน จ.ราชบุรี อดีต รมช.พาณิชย์ รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และอดีต รมช.คมนาคม รัฐบาลนายชวน หลีกภัย (1) 

น.ส.ปารีณา เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตใน จ.ราชบุรี มาแล้ว 4 สมัย ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองเมื่อปี 2548 โดยสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคไทยรักไทย ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2550 ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย ปี 2554 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ปี 2557 สังกัดพรรคเพื่อไทย (แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ) กระทั่งปี 2562 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ภายหลังการเลือกตั้งปี 2562 ไม่นาน “ปารีณา” ถูกตรวจสอบที่ดิน ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก. ที่ถูกนำไปใช้เป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ ต่อมาปี 2563 หน่วยงานของรัฐดำเนินการเข้าตรวจสอบพบว่า เข้าข่ายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ ส.ป.ก. โดยมิชอบ ทำให้มีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ “เอ๋ ปารีณา” ว่าผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่

กระทั่งปี 2564 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และร้องต่อศาลฎีกา โดยศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง ส่งผลให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ต่อมาปลายปี 2564 ศาลฎีกามีคำสั่งให้ น.ส.ปารีณา พ้นจากตำแหน่ง กมธ.งบประมาณฯ ประจำปี 2565 ด้วย 

กระทั่งวันที่ 7 เม.ย. 2565 ศาลฎีกาพิพากษาให้ น.ส.ปารีณา ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี หมดสิทธิ์เล่นการเมืองอีกตลอดชีวิต

• แจ้งทรัพย์สินล่าสุด 169 ล้าน

ในมุมทรัพย์สิน “เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์” แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อ 24 มี.ค. 2562 ว่า มีทรัพย์สินรวมบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทั้งสิ้น 169,666,795 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 29,731,411 บาท แจ้งมีรายได้ เป็นเงินเดือน ส.ส. 1,362,720 บาท การเลี้ยงไก่ 109,962,076 บาท และการเลี้ยงวัว 675,000 บาท มีรายจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 3.6 ล้านบาท และฟาร์มไก่ 107,770,454 บาท

ในส่วนของที่ดิน แจ้งว่ามี 76 แปลง รวมมูลค่า 20,068,090 บาท โดยในส่วนที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 รวม 57 แปลง ตั้งอยู่ที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มิได้ระบุวันเดือนปีที่ได้มา แต่ระบุหมายเหตุว่า มีมูลค่ารวมกันโดยประมาณ 2 แสนบาท

น.ส.ปารีณา แจ้งถือครองพระเครื่อง 2 รายการ ได้แก่ สมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์เส้นด้าย 1 องค์ มูลค่า 2.5 ล้านบาท สมเด็จนางพญาพิมพ์ใหญ่อกนูนใหญ่ 1 องค์ มูลค่า 3.5 ล้านบาท

• เพิ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลยื่นทรัพย์สินเท็จ พระเครื่องผลุบโผล่-ปล่อยกู้ลม

อย่างไรก็ดีเมื่อ 23 มี.ค. 2565 ป.ป.ช. เพิ่งมีมติชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา กรณีแจ้งบัญชีแสดรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ 2 กรณี ได้แก่ 

1. กรณีการเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ 7.7 ล้านบาท ซึ่งจากการไต่สวนเจ้าของเช็คเงินกู้ให้การปฏิเสธ เป็นการปล่อยกู้ตีเช็คเปล่าค้ำประกัน ไม่มีการกู้กันจริง แต่คาคว่านำเงินไปใช้เพื่อลงเลือกตั้ง โดยบุคคลที่เป็นลูกหนี้ตามที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน คือ นายประทีป มีพรบูชา นายกเทศมนตรีตำบลคลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 

2. พระสมเด็จบางขุนพรหม 2.5 ล้านบาท พระนางพญา ราคา 3.5 ล้านบาท ที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน มีการนำพระอื่นมาแสดงแทน

ส่วนกรณีการแจ้งครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 รวม 58 แปลง ที่ก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณา ยืนยันว่า รายการที่ดิน ภ.บ.ท.5 ที่ครอบครองอยู่จริงมี 29 แปลง ไม่ใช่ 58 แปลง แต่ที่แจ้งไปด้วยตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากฝ่ายบัญชีคลาดเคลื่อนในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ที่ประชุมเห็นว่าไม่เป็นการจงใจยื่นบัญชีเท็จ

• กรรมการบริษัท 2 แห่งทำ “ฟาร์มเลี้ยงไก่” 

มุมธุรกิจ น.ส.ปารีณา ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 2 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ได้แก่ 

บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2561 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจ ประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อ มี น.ส.ปารีณา เป็นกรรมการรายเดียว นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 26,812 บาท ขาดทุนสุทธิ 800,620 บาท

บริษัท จีเคเค เบทเตอร์ เซอร์วิส จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2564 ทุนปัจจุบัน 5 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจ การเลี้ยงไก่เนื้อ มี น.ส.ปารีณา เป็นกรรมการรายเดียว ยังไม่มีข้อมูลงบการเงิน

• ยังเหลือคดีรุกป่า "อัยการ" พิจารณาอยู่

นอกจากกรณีผิดมาตรฐานจริยธรรม และ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจงใจยื่นทรัพย์สินเท็จแล้ว ในส่วนคดีอาญา น.ส.ปารีณายังถูกกล่าวหา กรณีฟาร์มเลี้ยงไก่ "เขาสนฟาร์ม" ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ ส.ป.ก. กว่า 711 ไร่  ด้วย โดยคดีนี้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ดำเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว และมีความเห็นควรสั่งฟ้อง น.ส.ปารีณา 4 ข้อหา ได้แก่ ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และ 31 ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และความผิดตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 

ปัจจุบันคดีนี้ บก.ปทส.ส่งสำนวนพร้อมความเห็นให้แก่อัยการจังหวัดราชบุรี เพื่อพิจารณาแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ โดยในช่วงที่ผ่านมา น.ส.ปารีณา ได้ร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการหลายครั้ง เพื่อให้สอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น

• 4 ส.ส.รัฐบาลขึ้นเขียงในศาล - “ช่อ” รายล่าสุดถูก ป.ป.ช.ชี้มูล

นอกจากกรณีของ น.ส.ปารีณา แล้ว ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 เม.ย. 2565) มีนักการเมืองอีกอย่างน้อย 5 ราย ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง แบ่งได้ดังนี้

กรณีศาลฎีกาประทับรับฟ้องแล้ว 4 ราย ได้แก่

ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 3 ราย กรณีเสียบบัตรแทนกันในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2564

• นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง 
• นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง 
• นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 1 ราย กรณีเสียบบัตรแทนกันในร่าง พ.ร.บ. เหรียญราชรุจิ ร.10

• น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. 

อีก 1 ราย ป.ป.ช. เพิ่งชี้มูลความผิด และอยู่ระหว่างเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ได้แก่

น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันเป็นโฆษกคณะก้าวหน้า) กรณีโพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควร