"พนิต"บี้ ผู้บริหารปชป.ออกแอ็คชั่น กอบกู้วิกฤติศรัทธาปมฉาว
"พนิต"ขอผู้บริหารปชป.ออกแอ็คชั่นมากกว่านี้ กอบกู้วิกฤติศรัทธาพรรคแนะต้องเคลียร์ข้อสงสัย พร้อมตอบคำถามสังคมอย่างชัดเจน ลั่น"อย่าปล่อยผ่านปัญหา"
วันที่ 18 เมย.นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว Panich Vikitsreth - พนิต วิกิตเศรษฐ์ เรื่อง "กอบกู้ศรัทธา ปชป. อย่าปล่อยผ่านปัญหา" ว่าในฐานะที่เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์มา 20 กว่าปี รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในพรรคของเรา ซึ่งเรื่องนี้ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก
หลายวันนี้สังคมมีคำถามและคำวิพากษ์วิจารณ์กับพรรคฯมากมายต่อกรณีที่เกิดขึ้นและเพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของพรรคฯในฐานะพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด จนถูกยกให้เป็น ‘สถาบันการเมือง’ ที่มีรากฐานแข็งแรง
"ถูกต้องครับที่ว่า มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว และต้องปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม แต่ความเชื่อมั่นต่อพรรคเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องตระหนักเช่นกัน วันนี้นับว่าเป็นวิกฤตของพรรคและผมว่าผู้บริหารพรรคแอ็คชั่นกับเรื่องนี้น้อยไปหน่อย โดยเฉพาะการให้คำตอบกับสังคม ว่าเมื่อเกิดเรื่องแล้ว เราได้ทำอะไรไปแล้วบ้างในฐานะที่เขาเป็นสมาชิกพรรคของเรา"
นายพนิต กล่าวต่อว่า อย่าลืมว่า เราเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิสตรีและเพศวิถี ที่ผ่านมามีการแสดงจุดยืนเพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเพศวิถีมาโดยตลอดในทุกๆ ปี ทุกๆ โอกาส มีบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้จำนวนมาก ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม
เราต้องไม่ทำให้มันเป็นเพียงแคมเปญเท่ๆ แต่ต้องทำให้สังคมเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยนิ่งดูดายกับเรื่องพวกนี้
ตนอยากเสนอว่า สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้คือ พรรคต้องออกมาไขข้อข้องใจ เช่น พรรคมีกระบวนการตรวจสอบประวัติ คัดกรองบุคคลก่อนมาเป็นสมาชิกพรรคหรือดำรงตำแหน่งต่างๆ ในพรรคหรือไม่ เรารู้หรือไม่ว่าใครมีประวัติแบบใด ถ้ารู้ทำไมถึงรับและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญได้
หรือหลังเกิดเรื่องเราได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือไม่ ใครเป็นคนตรวจสอบ น่าเชื่อถือหรือไม่ ต้องใช้ระยะเวลากี่วัน หรือการให้เขาออกจากตำแหน่งแล้วถือว่าจบ?
ทั้งนี้หวังว่าผู้บริหารพรรคมีแอ็คชั่นมากกว่านี้และทำสิ่งเหล่านี้คู่ขนานกันไปกับกระบวนยุติธรรมที่ทำหน้าที่ในเชิงของกฎหมายเพราะขณะนี้ ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ว่า เกิดเรื่องเหล่านี้กับพรรค แต่มันอยู่ที่ว่า เมื่อเกิดเรื่องแล้วเราสร้างความเชื่อมั่นและรักษาศรัทธากับสังคมอย่างไร
"ผมเชื่อว่า สังคมจะแยกแยะเรื่องบุคคลกับเรื่องพรรคได้ ต่อเมื่อเราทำให้พวกเขาเห็นว่า เราไม่เคยปล่อยปละหรือปล่อยผ่านเรื่องเหล่านี้เลย และเรื่องดังกล่าวนี้ถือเป็นสถานการณ์เร่งด่วน ที่ผมไม่อาจรอให้ เปิดสมัยประชุมสภาฯ ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่มีการเรียกประชุมส.ส.พรรค จึงอยากฝากความเห็นดังกล่าวนี้ พร้อมให้กำลังใจผู้บริหารพรรค พิจารณา และแก้ปัญหานี้ทันที" นายพนิตกล่าว