เป้าหมายของ "เอ็มจี" กับการสร้าง "อีวี อีโคซิสเทม" ให้แข็งแกร่ง
"เอ็มจี" ตั้งเป้า เตรียมเปิดตัว "อีวี" รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3 รุ่น พร้อมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Ecosystem ให้แข็งแกร่ง รองรับตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ถูกมองว่าจะเป็นรถยนต์แห่งอนาคต ตอบหลายๆ โจทย์ของโลกในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลพิษทางอากาศ รวมถึงโลกร้อน มีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
รัฐบาลไทย ก็มีความพยายามที่จะแก้ปัญหานี้ ด้วยการยกระดับ อีวี ให้มากขึ้นทั้งการผลิต ที่ตั้งเป้าผลิต อีวี ให้ได้ 30% ของการผลิตทั้งหมดในปี 2030 หรือ 2573 แต่การจะก้าวไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้จำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย นำมาสู่มาตรการส่งเสริมการใช้งานเร่งด่วนปี 2565-2566 ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา
มาตรการส่งเสริมสำหรับผู้ผลิตที่มีแผนประกอบรถในประเทศ (CKD) เช่น รถกลุ่มที่มีราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท ทั้งการลดภาษีนำเข้าสูงสุด 40% การลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% และเงินสนับสนุนการซื้ออีวีสำหรับผู้บริโภค 70,000 บาท/คัน สำหรับรถที่ติดตั้งแบตเตอรี่ไม่เกิน 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 150,000 บาท/คัน สำหรับรถที่ติดตั้งแบตเตอรี่เกิน 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมาตการดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชน และผู้ประกอบการ รวมถึง เอ็มจี ที่เชื่อว่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าถึง อีวี พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ็มจี พร้อมให้การสนับสนุนนโยบายรัฐอย่างเต็มที่ โดยเตรียมเข้าหารือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ผู้บริโภค และให้คนไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากนโยบายดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
"นโยบายดังกล่าวของภาครัฐ จะทำให้ตลาดรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และโครงสร้างของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคนไทยจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการส่งเสริมอีวีที่มีความเป็นรูปธรรมนี้" พงษ์ศักดิ์กล่าว
ที่ผ่านมา เอ็มจี มีความชัดเจนในด้านอีวีมาโดยตลอด โดยช่วงกลางเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา บริษัทประกาศเป้าหมายผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ทัดเทียมอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และหนึ่งในกุญแจสำคัญก็คือ "รถยนต์พลังงานไฟฟ้า" โดยทางเอ็มจี มองว่า การจะทำให้อีวีได้รับความนิยม จำเป็นจะต้อง สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Ecosystem ที่แข็งแกร่ง โดยจะดำเนินการใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1. พัฒนาและนำเสนอ อีวี ที่หลากหลาย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้งาน ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า
2. พัฒนาและการจัดการแบตเตอรี่ โดยเอ็มจีลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ อีวี นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยในเรื่องของวิธีการจัดการแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอีกด้วย
3. การสร้างและขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความความมั่นใจในการใช้ อีวี และรองรับปริมาณรถที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยปลดล็อกความกังวลเรื่องระยะทางการใช้งานต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง อีกด้วย จากการมีจำนวนสถานีชาร์จนอกบ้านตลอดเส้นทาง
4. การเร่งสร้างความรู้พื้นฐานและความเข้าใจเกี่ยวกับ อีวี รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความชำนาญด้านอีวีเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เอ็มจี ถือเป็นผู้สร้างความเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมให้กับตลาดอีวีในไทย หลังการเปิดตัว อีวี รุ่นแรก คือ เอ็มจี แซดเอส อีวี (MG ZS EV) รถในรูปแบบเอสยูวี ที่ได้รับการตอบรับจำนวนมาก จากนั้นยังเสริมตลาดอีก 1 รุ่น คือ เอ็มจี อีพี (MG EP) รถในรูปแบบสเตชั่น แวกอน ตอบโจทย์ การใช้งาน หลายรูปแบบ รวมถึงกลุ่มครอบครัว
นอกจากนั้น ในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ยังแนะนำรถสปอร์ต เอ็มจี ไซเบอร์สเตอร์ (MG Cyberster) พร้อมกับการเปิดจองสิทธิ์การเป็นเจ้าของ ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับจำนวนมากเช่นกัน โดยรถรุ่นนี้มีแผนเข้าสู่เข้าไลน์การผลิตเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ภายในปี 2566
ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาความแข็งแกร่งในตลาดอีวี รวมถึงสนองนโยบายรัฐที่ต้องการส่งเสริมอีวีอย่างจริงจัง และร่วมผลักดันให้ไทยก้าวสู่สังคมอีวีอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต มีแผนที่จะผลักดันตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้ เอ็มจีเตรียมเปิดตัว อีวี รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างน้อย 3 รุ่น ในเซกเมนต์ที่แตกต่างกัน โดยแต่ละรุ่นจะมีความโดดเด่นทั้งด้านการออกแบบ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยอีวีรุ่นแรกจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 43 เดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้" พงษ์ศักดิ์ทิ้งท้าย
จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่ผู้จำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ "เอ็มจี" ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและสร้างสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพราะนิยาม "อีวี" ของเอ็มจี ไม่ใช่แค่ตัวรถ แต่คือการลงมือทำทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่ง