“ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค” เปิดสาขา “สยามสแควร์” พื้นที่ความรู้การลงทุนแห่งใหม่ใจกลางกรุง
หุ้นไทยครึ่งปีหลังบริษัทขนาดใหญ่ค้ำยันตลาด “ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค” สบโอกาสเปิดสาขา “สยามสแควร์” พื้นที่สร้างสรรค์ความรู้การลงทุนแห่งใหม่ใจกลางกรุง
ตลาดหุ้นไทยปัจจัยลบรุมเร้า แต่ปัจจัยพื้นฐานหุ้นใหญ่ยังดี บาทอ่อนเป็นผลดีต่อหุ้นส่งออก “ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค” สบโอกาสเดินหน้าสร้างนักลงทุนมืออาชีพ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ “สยามสแควร์” โค-เทรดดิ้ง สเปซ พื้นที่สร้างสรรค์การเรียนรู้ด้านการลงทุนรูปแบบใหม่ รองรับไลฟ์สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ที่ใฝ่หาความรู้เพื่อเป็นเครื่องมือสามารถอยู่รอดในการลงทุน และทำคอมมูนิตี้นักลงทุนไทยแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
นายกระทรวง จารุศิระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง ผู้ริเริ่มโครงการ ซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thailand) โครงการค้นหาเทรดเดอร์มืออาชีพครั้งแรกของประเทศไทย และบริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค (Super Trader Republic : SPTR) จำกัด ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุน และโค-เทรดดิ้ง สเปซ (Co-Trading Space) แห่งแรกของเมืองไทย เปิดเผยว่า ตลาดการลงทุนขณะนี้ยังคงได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย อาทิ ปัญหาเงินเฟ้อสูงทั่วโลก ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นแต่ค่าแรงคงเดิม ปัญหาสินค้าการเกษตรและโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัทสูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า อย่างไรก็ดี ในมุมมองส่วนตัวเชื่อว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะไม่เกิด หากไม่มีปัจจัยนอกเหนือจากนี้มากระทบ เพราะการที่เงินบาทอ่อนค่า อาจทำให้ภาคนำเข้าได้รับผลกระทบ แต่ขณะเดียวกันสินค้าส่งออกจะได้รับผลบวก รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวในประเทศที่คนต่างชาติเข้ามา จึงมองว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะไม่ขาดทุน
“ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ ก็จะมีกลุ่มที่ได้โอกาสเสมอ แม้ว่าการบริโภคภายในประเทศหดตัว แต่การท่องเที่ยวจะกลับมา หรือแม้แต่ปัญหาเงินเฟ้อสูง เงินบาทอ่อน ก็มีกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ กลุ่มส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโรงแรมและสายการบิน ขณะที่ปัญหาการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารและบริษัทประกันที่นำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ได้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ส่วนที่น่าเป็นห่วงคือหนี้ภาคครัวเรือน หลังโควิดจบแล้ว อาจเห็นยอด NPL ในระบบสูงขึ้น”
ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะอยู่ในกรอบกว้าง 1580-1700 จุด มีแนวรับแรกของอยู่ที่ 1560-1580 จุด ไม่ควรหลุด ถ้าไม่หลุดใช้กลยุทธ์เทรดตามกรอบไม่มองไกลกว่านั้น เพราะยังไม่เห็นข่าวดีมากพอที่จะทำให้ดัชนียืนเหนือ 1700 จุด ได้ แต่หากแนวรับหลุด 1560 จุด มีแนวรับต่อไปอาจลงได้ถึง 1400 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่หลุดยาก หากไม่มีปัจจัยลบเรื่องใหม่เข้ามากดดัน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทย ยังคงมีบริษัทใหญ่ๆ ปัจจัยพื้นฐานดีเป็นเสาค้ำยันตลาดอยู่ ยกตัวอย่าง เช่น PTT SCC ADVANC CPALL BDMS AOT PTTEP GULF OR BBL KBANK SCB TOP CPF CPN ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นใหญ่ที่มีค่าเฉลี่ยของ PE ตามปกติ ไม่ได้ถือว่าแพง จึงมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลงที่จำกัด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงจังหวะนี้ แนะนำให้เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีเกราะกำบังและแข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มอาหารส่งออก กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มธนาคาร-ประกัน ส่วนกลยุทธ์การเทรดให้ใช้ Hit&Run Style เล่นหุ้นตามตลาด และเน้นซื้อในจังหวะที่ได้เปรียบ
นายกระทรวง กล่าวถึง ภาพรวมธุรกิจของ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจโดยมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งในกลไกสร้างนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีส่วนร่วมส่งเสริมคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทย และต้องการสร้างเวทีในการถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุนสู่นักลงทุนนำมาสู่ความยั่งยืนของตลาดทุน โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันเป็น Investment Gateway ที่มุ่งให้ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเป็นหลัก และปีนี้มีความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ให้นักลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์การลงทุน
โดยธุรกิจในกลุ่มประกอบด้วย ซุปเปอร์สกิล (SuperSkill) เป็นแหล่งรวมคอร์สเรียนออนไลน์ด้านการลงทุนทุกสินทรัพย์การเงิน ซุปเปอร์เทรดเดอร์ พับลิชชิ่ง (Super Trader Publishing) เป็นแหล่งรวมหนังสือด้านการลงทุนทุกสินทรัพย์การเงิน ซุปเปอร์เทรดเดอร์ อินเตอเนชั่นแนล (Super Trader International) เป็นสถาบันสอนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ กองทุนทองคำ น้ำมัน ฟิวเจอร์ ออปชั่น ซุปเปอร์เทรดเดอร์ อินฟินิต (Super Trader Infinite) โครงการที่รวบรวมความรู้ด้านการลงทุนจากกูรูมืออาชีพในวงการไว้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทุกตลาด ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ฟิวเจอร์ส และคริปโทฯ พร้อมกับกิจกรรมการแข่งขันวัด Performance ด้วยพอร์ตการลงทุนจริงโดยมีรางวัลมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท
นายจุติ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจของ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค เป็น Investment Academy ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี นับตั้งแต่ปีแรกที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2559 โดยขณะนี้มีการพัฒนาคอร์สเรียนทางด้านการลงทุนเป็นระบบสมาชิกที่มีชื่อว่า Exclusive Membership All in one ซึ่งมีโค้ชพี่เลี้ยงคอยสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างใกล้ชิด (Personal Trainer) มีโปรแกรมการเรียนอย่างเป็นระบบ สอนตั้งแต่พื้นฐานจนนำไปใช้งานได้จริง (SPTR Program) และมีการเทรดและวิเคราะห์ตลาดจากสถานการณ์จริง (Live Trade) ตั้งแต่ก่อตั้งจนปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกนักลงทุนที่ผ่านการเรียนกับ SPTR กว่า 3,000 คนแล้ว
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาหลักสูตรการให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน และรูปแบบการลงทุนรุ่นใหม่ รวมทั้งมีเป้าหมายที่ต้องการพัฒนารูปแบบสาขาใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งในบริเวณในเมืองและชานเมือง และตอบโจทย์ผู้เทรดสินค้าต่างประเทศในช่วงกลางคืน รวมไปถึงพื้นที่ในบริเวณศูนย์การค้า เพื่อให้ผู้คนได้เข้าถึง Super Trader Republic ได้ง่ายขึ้นด้วย จึงได้เปิดสาขาใหม่ “สยามสแควร์” และเป็นสาขาที่เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนคนรุ่นใหม่ได้สูงสุด เพราะตั้งอยู่ในศูนย์กลางใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้ง่าย เดินทางสะดวก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มคอร์สทางด้านการลงทุนให้ครบทุกสินทรัพย์การเงิน และเพิ่มจำนวนสมาชิกสาขาใหม่ให้ได้ 5,000 คน ในระยะเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ “สาขาสยามสแควร์” มีพื้นที่โดยรวมกว่า 700 ตร.ม. แบ่งพื้นที่เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ 120 ที่นั่ง และห้องทีมเทรด 30 ที่นั่ง รองรับการให้บริการสมาชิกรายปีได้มากกว่า 3,000 คนต่อปี นับเป็นจำนวนที่เหมาะสมเพื่อการดูแลที่ทั่วถึง และความเป็นพรีเมียมของผู้ใช้งาน ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างสังคมนักลงทุนที่มีคุณภาพให้กับสมาชิก ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่จะหมุนเวียนกันมาให้คำปรึกษาตลอดทั้งสัปดาห์
สำหรับนักลงทุนและผู้สนใจสมัครสมาชิกรายปี จะมีค่าสมาชิก 75,000 บาทต่อปี โดยสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้ตลอดทั้งปี สามารถติดต่อลงทะเบียนได้ที่ Facebook Page : Super Trader Republic หรือเว็บไซต์ supertraderrepublic