Universal Utilities เตรียมแผนรับมือภัยแล้งลากยาว
‘ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์’ เตรียมแผนรับมือภัยแล้งลากยาวกว่าที่คาดการณ์ ประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้น้ำประปา
ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ หรือ ยูยู ผู้นำธุรกิจบริหารกิจการประปาอย่างครบวงจร เตรียมแผนรับมือภัยแล้งในกรณีฝนเริ่มตกล่าช้า สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้น้ำประปาในพื้นที่รับผิดชอบ ชูแผนบริหารจัดการน้ำประปาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมยืนยันพื้นที่ภาคตะวันออกมีน้ำดิบเพียงพอที่จะผลิตน้ำประปาได้ตลอดทั้งปี
นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ หรือ ยูยู (Mr.Cherdchai Pitiwacharakul ,Acting Managing Director of Universal Utilities Public Company Limited) ผู้นำธุรกิจบริหารกิจการประปาอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดทำแผนรับมือปัญหาภัยแล้งในกรณีฝนเริ่มตกล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยวางแผนบริหารจัดการทั้งกระบวนการผลิตและส่งจ่ายน้ำประปาภายในพื้นที่ให้บริการที่อยู่ในความรับผิดชอบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (อีสท์วอเตอร์) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และ กรมชลประทาน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำดิบเป็นรายวัน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งทีมงานรับมือภัยแล้ง เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการอุปสงค์ (Demand) และอุปทานน้ำ (Supply) ได้อย่างเหมาะสม พร้อมเปิดศูนย์ UU Call Center เพื่อเป็นช่องทางรับเรื่องราวจากผู้ใช้น้ำ โดยผู้ใช้น้ำสามารถโทรแจ้งปัญหาผ่านเบอร์ 1141 กด 5555 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ที่สถานีผลิตน้ำประปาบางม่วง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งใช้น้ำดิบจากแม่เจ้าพระยามาผลิตเป็นน้ำประปา ได้รับผลกระทบด้านปริมาณการสูบน้ำดิบมาใช้ผลิตที่ปรับตัวลดลงจากเดิม บริษัทฯ ได้เข้าแก้ไขสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว โดยได้ขุดลอกร่องชักน้ำให้อยู่ในระดับที่ลึกกว่าเดิม เพื่อให้น้ำดิบสามารถไหลเข้าสู่ร่องชักน้ำในปริมาณที่เพิ่มขึ้นพร้อมจัดหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการต่อระบบท่อน้ำดิบในร่องชักน้ำเพิ่มเติม รวมถึงย้ายเครื่องสูบน้ำและระบบควบคุมไฟฟ้านำไปติดตั้งในบริเวณใกล้กับแหล่งน้ำดิบในกรณีระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยารับลดลง เพื่อให้สามารถสูบน้ำดิบมาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำประปาได้เท่ากับช่วงเวลาปกติ
ส่วนพื้นที่อำเภอบางปะกง และอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งประสบปัญหาทั้งด้านคุณภาพและค่าความเค็มที่เพิ่มขึ้นนั้น บริษัทฯ และ กปภ. ได้ร่วมวางแผนจัดหาแหล่งน้ำดิบจากเอกชน มาเจือจางกับแหล่งน้ำดิบธรรมชาติ เพื่อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่เหมาะสมต่อการน้ำมาใช้ผลิตน้ำประปา พร้อมติดตั้งระบบโอโซนซึ่งเป็นเทคโนโลยีในระบบผลิตน้ำประปาขนาดใหญ่ที่มีความทันสมัย มาบำบัดน้ำดิบให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปาต่อไป นอกจากนี้ยังได้กักเก็บน้ำดิบในสระสำรองไว้เต็มความจุเพื่อไว้ใช้ในการผลิตน้ำประปาอีกทางหนึ่ง
ขณะที่พื้นที่ภาคตะวันออก อาทิ อำเภอสัตหีบและพื้นที่บ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี, จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ บริษัทฯ ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำประปาจากผลกระทบภัยแล้ง เนื่องจากมีปริมาณน้ำดิบเพียงพอที่จะใช้ผลิตน้ำประปาได้ตลอดทั้งปี 2559 โดยประสานงานศูนย์ประสานงานและติดตามสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ระดับน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง ที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและจ่ายน้ำประปาในพื้นที่กิจการประปาของบริษัทฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำดอกกรายและอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำดังกล่าวยังมีเพียงพอต่อการนำไปใช้ผลิตน้ำประปาและไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ
“ปัญหาภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริการน้ำประปาของเราเพียงเล็กน้อย ซึ่งทางเราก็เตรียมแผนรับมือไว้เป็นอย่างดี โดยมีการจัดหาแหล่งน้ำดิบธรรมชาติแห่งใหม่และปรับปรุงระบบการผลิตน้ำประปาให้รองรับคุณภาพน้ำดิบที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องเพื่อไม่ให้การบริหารจัดการน้ำประปาต้องหยุดชะงัก หรือแผน BCP เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้น้ำได้เชื่อมั่นจะมีน้ำประปาที่มีคุณภาพไว้ใช้อย่างเพียงพอหากปัญหาภัยแล้งยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้” นายเชิดชาย กล่าว