"ทีเส็บ" พร้อมประมูลสิทธิ์จัด "เอ็กซ์โป 2028" ดันภูเก็ตสู่เมืองศักยภาพด้านสุขภาพโลก
"ทีเส็บ" พร้อมประมูลสิทธิ์จัด "เอ็กซ์โป 2028" ดันภูเก็ตสู่เมืองศักยภาพด้านสุขภาพโลก
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพในการรองรับการจัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ เพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลก
ล่าสุด ทางจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 พิจารณาเห็นชอบให้ประเทศไทยยื่นประมูลสิทธิ์เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานเอ็กซ์โป วาระพิเศษ Specialised Expo 2028 ที่จังหวัดภูเก็ต ในปี พ.ศ. 2571 โดย ทีเส็บ จะรับหน้าที่เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการประมูลสิทธิ์การจัดงานนี้ให้กับประเทศไทย
สำหรับการจัดงาน Specialised Expo 2028 ถือเป็นการจัดงานมหกรรมโลกที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากการจัด World Expo โดยมีระยะเวลาการจัดงานนาน 3 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งความประสงค์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานนี้ภายใต้ธีมทางด้านสุขภาพ ในช่วงระหว่างวันที่ 20 มีนาคม – 17 มิถุนายน 2571 โดยใช้พื้นที่รวม 141 ไร่ บริเวณตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แต่การยื่นประมูลสิทธิ์ครั้งนี้ประเทศไทยต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในช่วงเวลาเดียวกันคือ สหรัฐอเมริกา (มลรัฐมินนิโซตา - Minnesota) และสเปน (เมืองมาลากา - Malaga)
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการดำเนินงาน ภายหลังจากผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีเส็บ ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยจะยื่นเอกสารประมูลสิทธิ์ต่อองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau of nternational Expositions : BIE) ซึ่งเป็นองค์กรเจ้าของสิทธิ์การจัดงาน ภายในวันที่ 14 มกราคม 2565 เพื่อพิจารณารายละเอียดการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน ก่อนจะประกาศรายชื่อประเทศที่จะได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานต่อไป
นายจิรุตถ์ กล่าวว่า งาน Specialised Expo 2028 ครั้งนี้ ทีเส็บได้ประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจว่า ด้วยเงินลงทุนจากภาครัฐ ที่ใช้ในการดำเนินโครงการจำนวน 4,180 ล้านบาท จะสร้างความคุ้มค่าในการลงทุนกลับมามากถึง 9 เท่า โดยคาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงระหว่างการจัดงานมากถึง 49,231 ล้านบาท และสามารถเพิ่มตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้จำนวน 39,357 ล้านบาท พร้อมประเมินว่ามีผู้เข้าชมการจัดงานทั้งไทยและต่างประเทศรวม 4.9 ล้านคน และยังสามารถจ้างงานได้มากถึง 113,439 ตำแหน่งอีกด้วย