กยท. เพิ่มมูลค่ายางไทยในตลาดโลกด้วยนวัตกรรม ทางรอดราคายางตกต่ำ
กยท. เพิ่มมูลค่ายางไทยในตลาดโลกด้วยนวัตกรรม ทางรอดราคายางตกต่ำ
จากการขยายตัวของความต้องการในอุตสาหกรรมยางพาราอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตยางล้อรถ ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ตลอดจนการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัว จาภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตหลังการระบาดของ Covid-19 คลี่คลายลง จึงเป็นโอกาสดีที่จะสร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่อุตสาหกรรมยางพารา เพื่อเตรียมพร้อมรับการขยายตัวของความต้องการยางพาราโลก
นายณกรรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึง วัตถุประสงค์ในการงานจัดงาน "Symposium on Manufacturing of Rubber Products: Opportunities and Challenges for NR” มุ่งแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ด้านงานวิจัยระหว่างประเทศ สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางปลายน้ำ พร้อมรับความต้องการผู้บริโภคยางทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยผลิตภัณฑ์ยางในส่วนปลายน้ำ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จากสมาชิก สภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ (International Rubber Research and Development Board) หรือ IRRDB ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 19 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา บังคลาเทศ บราซิล แคมารูน จีน โก๊ตดิวัวร์ ฝรั่งเศส กัวเตมาลา อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียร์ม่าร์ ไนจีเรีย ไลบีเรีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา เวียดนาม ปาปัวนิกินี และไทยมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้และประสบการณ์ด้านงานศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ
รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการ คณะผู้แทน และผู้ที่มีความสนใจ เร่งสร้างความเข้มแข็งในงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมด้านยาง และการลงทุนผลิตภัณฑ์ยางปลายน้ำ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติให้สูงขึ้น สร้างความได้เปรียบในตลาดยางโลกที่กำลังขยายตัว ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความต้องการในการนำนวัตกรรมอุตสาหกรรมปลายน้ำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ ผลักดันให้อุตสาหกรรมพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
นายณกรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอผลงานของสตาร์ทอัพใหม่ รวมถึงเศษวัสดุของภาคการเกษตรนำมาแปรรูปร่วมกับยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ดี การใช้นวัตกรรมแก้ไขปัญหาราคายางเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และต้องอาศัยความร่วมมือกันในกลุ่มของผู้ผลิตยาง ผ่านงานวิจัยที่ กยท. ได้มีการเผยแพร่ถ่ายทอดไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ประกอบการด้วย โดยมีการร่วมกันพัฒนาต่อยอดงานวิจัยต่างๆ จึงสร้างความมั่นใจว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมยางให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในตลาดโลก