HIKVISION รุกหนักตลาด “จอแสดงผลเชิงพาณิชย์” ในไทย
HIKVISION รุกหนักตลาด “จอแสดงผลเชิงพาณิชย์” ในไทย ตอกย้ำแบรนด์ระดับโลก
ขนทัพสินค้าโชว์ศักยภาพในงานแสดงนวัตกรรมด้านภาพและเสียง InfoComm Asia 2023
HIKVISION ผู้นำตลาดจอแสดงผลเชิงพาณิชย์ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี AIOT ซึ่งผสมผสาน AI เข้ากับ IoT และระบบรักษาความปลอดภัยยอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก ตอกย้ำภาพลักษณ์ “Tech Company” ประกาศความพร้อมบุกตลาดจอแสดงผลเชิงพาณิชย์ในไทย ขนทัพนวัตกรรมชั้นสูง โชว์ศักยภาพในงานแสดงนวัตกรรมด้านภาพและเสียง InfoComm Asia 2023 พร้อมทุ่มงบฯ เปิดศูนย์บริการหลังการขาย Commercial Display มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร หน่วยงานราชการ
นายเจอรี่ สวี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิควิชั่น ไอโอที (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์ในปีนี้จะมุ่งสร้างแบรนด์ HIKVISION ในฐานะผู้นำตลาดจอแสดงผลเชิงพาณิชย์ โดยตอกย้ำการเป็นบริษัทที่เน้นในด้านเทคโนโลยี หรือ “Tech Company” ที่มีการพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง อาทิ จอ LED ความละเอียดที่สูงขึ้นเป็น Pixel Pitch 0.7 mmซึ่งสามารถพัฒนาจนสำเร็จ และวางจำหน่ายแล้วในปีนี้ รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาระบบใหม่ๆ ของจอ IFP และอุปกรณ์เสริมที่ใช้ในระบบการประชุม เช่นลำโพง ไมโครโฟน หรือกล้องที่มีการตรวจจับใบหน้าของผู้พูด เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารจะชูจุดขายในเรื่องคุณภาพและเทคโนโลยีของสินค้า พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ขององค์กรในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยและ AI ระดับโลก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าบริษัทต้องการทำธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว พร้อมมีการลงทุนในเรื่องการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานของบริษัทเองในแต่ละประเทศเพื่อการประสานงานและช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทจึงได้ลงทุนเปิดศูนย์ให้บริการหลังการขายเฉพาะจอแสดงผลเชิงพาณิชย์ (Commercial Display) โดยเฉพาะ โดยสินค้าที่นำเสนอกับลูกค้ากลุ่มนี้จะเน้นจอประเภทLED ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ที่มีแนวโน้มความต้องการของตลาดที่สูงแบบก้าวกระโดด ทำให้ทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานราชการมีการใช้งานเพื่อการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และยังวางแผนรุกตลาดของการประชุมสมัยใหม่ด้วยจอ Interactive ซึ่งจะทำให้สินค้าของHikvision เข้าไปอยู่ในทุกๆ รูปแบบธุรกิจ
“Hikvision ขยายตลาดที่นอกเหนือจากกล้องวงจรปิด โดยมีการลงทุนพัฒนาธุรกิจของจอแสดงผลเชิงพานิชย์ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เพราะเราต้องการบอกให้พาร์ทเนอร์รวมถึงลูกค้าให้รู้ว่า Hikvision พร้อมแล้วทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ศูนย์ให้บริการในประเทศไทย รวมทั้ง reference site ระดับชาติ” นายเจอรี่ สวี่ กล่าว
นายวิญญู กล่อมเกล้า Head of commercial display บริษัท ฮิควิชั่น ไอโอที (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าองค์กร และหน่วยงานชั้นนำที่มีการติดตั้งจอ LED และจอ Interactive ของ HIKVISION หลากหลาย โดยจุดติดตั้งที่ถือเป็นไฮไลท์ คือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีการใช้จอแบบ indoor p2.5 ประมาณ 260 ตร.ม. และจอแบบ outdoor แบบโค้งพิเศษรวมถึง outdoor แบบละเอียดที่สุด p2.5 อีก 140 ตร.ม. โดยรวมแล้วใช้มีการติดตั้งจอ LED ของ Hikvision กว่า 400 ตร.ม. นอกจากนั้นยังมีจอ LCD Video Wall และจอ Digital Signage สำหรับแสดงโฆษณาและข้อมูลของศูนย์อีกกว่า 80 จอ โดยทุกจอแสดงผลทั้งหมดใช้ระบบการจัดการข้อมูลจากส่วนกลาง HikCentral FocSign ของ Hikvision
อีกพื้นที่สำคัญที่มีการติดตั้งจอแสดงผลของ Hikvision คือ สยามสแควร์ ณ ตึก KLOUD by Kbank ซึ่งวันนี้ถือเป็นจอ LED ที่สวยที่สุดในสยามสแควร์ โดยเป็นจอ LED 3 มิติ ขนาดใหญ่กว่า 300 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์ รวมถึงทั้งโครงการของ KLOUD by Kbankไม่ว่าจะเป็นจอ LED ขั้นบันไดกึ่ง Outdoor จอบอกสภาพอากาศภายนอกอาคาร หรือจอ LED ในห้องโถงด้านในที่ล้วนเป็นของ Hikvision ทั้งสิ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีกลุ่มลูกค้าประเภทโชว์รูมรถยนต์หลากหลายแห่งที่สามารถพบเห็นได้ง่าย อาทิ GWM ไอคอนสยาม, GWM สยามสแควร์, Benz บางนา และ อีซูซุ พระราม 3 เป็นต้น
ทั้งนี้ จากผลสำเร็จจากการรุกตลาดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาระบบการจัดการทั้งตัวแทนจำหน่าย (Distributor) การให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพของ SI (System Integrator) ที่สะสมประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้มีหลายโครงการที่ตัดสินใจเลือกใช้จอแสดงผลเชิงพาณิชย์ของ Hikvision มากขึ้น
“HIKVISION ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยี AIOT ระดับโลก ภาพลักษณ์ตรงนี้จะช่วยผลักดันภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าไปอีกระดับ และตอบโจทย์การใช้งานตั้งแต่ระบบ back end ในเรื่องของ controller เครื่องบันทึก storage รวมถึง device cctv และ front end ในส่วนของจอแสดงผล” นายวิญญู กล่าว
ปัจจุบันฐานลูกค้าโครงการ หรือ B2B มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนรายได้เกิน 50% ของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานการจราจร ที่ต้องใช้กล้องวงจรปิดในการตรวจจับความเร็ว หรือตรวจจับป้ายทะเบียน ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย สำหรับตลาด B2C จะมีแบรนด์ EZVIZ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เน้นไปยังกลุ่มผู้บริโภคภายในบ้านที่มีการเชื่อมต่อแบบ IOT พร้อมดีไซน์ที่ล้ำสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน
“เราเติบโตและสร้างรากฐานมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัย ในส่วนของจอแสดงผลเชิงพาณิชย์หรือ commercial display ถือว่าอยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เราเล็งเห็นถึงโอกาสเติบโตในอนาคต โดยในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงแรกที่เริ่มมีการโปรโมตอย่างจริงจัง และมีแผนทำอย่างต่อเนื่องจากนี้” นายวิญญู กล่าว
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท ประกอบด้วย ป้ายดิจิตอล, วิดีโอวอลล์ LCD, IFP Interactive Flat Panels , จอแสดงผล LED และ Controllers ปัจจุบันฐานลูกค้าหลักในกลุ่มของจอแสดงผลเชิงพาณิชย์คือ จอแบบ LED มากกว่า 70% โดยจอประเภท Indoor Pixel Pitch 2.5 mm ถือเป็นสินค้าเรือธงของบริษัท ซึ่งปีนี้จะมีการโปรโมตจอในความละเอียดที่มากขึ้น เช่น P1.8 และ P1.5 หรือในส่วนของ IFP หรือ Interactive Flat Panel ปีนี้จะมีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมฟังก์ชั่นที่โดดเด่น สามารถสัมผัสพร้อมๆ กันถึง 45 จุด รวมถึงสามารถนำไปอินทิเกรทกับระบบ smart education ใช้ควบคู่ไปกับระบบ AI ของกล้องวงจรปิดทำให้เกิดนวัตกรรมสำหรับการศึกษาอย่างแท้จริง
ล่าสุดบริษัทได้นำนวัตกรรมสินค้าร่วมงานแสดงนวัตกรรมด้านภาพและเสียงInfoComm Asia 2023 ระหว่างวันที่ 24-26 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเน้นไปที่นวัตกรรมชั้นสูงของจอแสดงผลเชิงพานิชย์ในแต่ละประเภทที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงตามลักษณะของธุรกิจแบบครบวงจร อาทิ จอที่มีความละเอียดสูง Pixel Pitch 0.9 mm กับการใช้งานกับ Command center, จอในส่วนของการโฆษณาในรูปแบบใหม่ทั้ง 3D LED หรือจอแบบเข้ามุม 90 องศาต่อกันเป็นอุโมงค์, จอใสมองทะลุได้แบบ Transparent เหมาะกับหน้าร้านที่ต้องการนำเสนอคอนเทนต์รูปแบบใหม่ๆ, จอ Interactive ที่จำลองการใช้งานทั้งจากห้องเรียนอัจฉริยะ รวมถึงระบบ smart education และห้องประชุมที่ทันสมัย
นอกจากร่วมงานแสดงนวัตกรรมด้านภาพและเสียง InfoComm Asia 2023 บริษัทฯ ยังเดินหน้าจัดโรดโชว์ในแต่ละภูมิภาคเพื่อนำเสนอสินค้าและนวัตกรรมต่างๆ ให้กับพาร์ทเนอร์และลูกค้า โดยจากนี้ยังมีแผนออกงานที่เจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น ตลาดของกลุ่มการศึกษา หรือ smart building เป็นต้น