แอล.พี.เอ็น.แย้มแผนปี66 รุกบ้านพรีเมียมจับลูกค้าไฮเอนด์
แอล.พี.เอ็น.แย้มแผนปี66 รุกบ้านพรีเมียมชิงเค้กกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ระดับราคา10-40 ล้านบาทภายใต้ New Master Brand 168 ล่าสุด Sold Out โครงการ BAAN 365 RAMA 3โกยยอดขายและโอน ว่า 3,200 ล้านบาทพร้อมเดินหน้าเปิดอีก 5 ทำเล
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่าแนวโน้มสถานการณ์ตลาดบ้านระดับราคา10 ล้านขึ้นไปในครึ่งปีหลังและปีหน้าคาดว่าจะมีทิศทางที่เป็นบวกสืบเนื่องจากกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะเป็นกลุ่มที่เน้นอยู่อาศัยจริงผู้ประกอบการยังคงเน้นจับตลาดบ้านกลุ่มนี้และยังเปิดตัวโครงการใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะยังมั่นใจในดีมานด์ที่เติบโตขึ้น
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดบ้านระดับพรีเมี่ยมยังไปต่อได้ คือสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และให้ความสะดวกในการดำเนินชิวิต ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มบ้านในระดับราคา 10 ล้านขึ้นไปได้ขยายตัวออกไปในพื้นที่ส่วนต่อขยายของกรุงเทพฯ (Extension Business District: EBD) และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมในการอยู่อาศัยและการเลือกที่อยู่อาศัยของคนเมืองที่เปลี่ยนไปซึ่งมีปัจจัยสำคัญของการเลือกซื้อบ้านคือทำเลที่ตั้ง พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยระดับราคาบ้านที่มีความต้องการสูงที่สุด คือบ้านที่มีระดับราคาระหว่าง 10 -20 ล้านบาทโดยกลุ่มผู้ซื้อจะเป็นกลุ่มที่ต้องการขยายครอบครัว เช่น กลุ่มเจ้าของธุรกิจส่วนตัวหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จรวมถึงกลุ่มคนไทยที่อยู่ต่างประเทศซื้อเก็บเพื่อใช้พักผ่อนในช่วงมาเมืองไทย
จากปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้โครงการ BAAN 365 RAMA 3 ซึ่งถือว่าเป็นโครงการบ้านและทาวน์โฮมระดับพรีเมียมเรือธงใหม่จาก LPN เจาะกลุ่มเป้าหมายในระดับB+ ขึ้นไปได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าย่านพระราม 3 ซึ่งเป็นทำเลที่มีกำลังซื้อสูง ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตที่มีสุขอนามัยที่ดี(Well-being)
ผสานความโดดเด่นด้านการออกแบบที่คำนึงถึงฟังก์ชันในการใช้งานสามารถตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกเจเนอเรชั่นสามารถมีทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวความใส่ใจในคุณภาพงานก่อสร้างที่แทรกอยู่ในทุกกระบวนการในราคาที่คุ้มค่าสมเหตุผลและความเชื่อมั่นในชื่อเสียงและการบริการหลังการขายของ LPN
และจากการสำรวจของ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) พบว่ามีโครงการบ้านพักอาศัยในทำเลนี้ 4 โครงการ มีจำนวนทั้งสิ้น 256 ยูนิต มีอัตรการขายไปแล้ว 57% มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 109 หน่วย โดยบ้านพักอาศัยที่ขายดีในทำเลนี้ อยู่ที่ระดับราคา 17-25 ล้านบาท สำหรับทาวน์เฮ้าส์ขนาด 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น และบ้านเดี่ยวที่ระดับราคามากกว่า 50 ล้านบาท
โดยในปี 2566 LPN ยังมีแผนเปิดโครงการแนวราบระดับพรีเมียมอีก 5 โครงการ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ 168 ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาโครงการที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ท่ามกลางสังคมคุณภาพ น่าอยู่ ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว ตามมาตรฐานและคุณค่าของ LPN
“ถึงแม้ปีนี้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายแต่เรามั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์ได้ภายใต้ความแข็งแกร่งทางการเงินและความเชื่อมั่นของลูกค้าในเรื่องของแบรนด์และคุณภาพมาตรฐานทั้งสินค้าและการบริการทั้งก่อน-หลังการขายจาก LPN” นายโอภาส กล่าว