จีนแห่ซื้อคอนโด-บ้านหรูใกล้ร.ร.อินเตอร์ทำเลรัชดา-บางนา-กรุงเทพกรีฑาบูม
เศรษฐีจีนแห่ซื้อคอนโด-บ้านหรูใกล้โรงเรียนอินเตอร์ ทำเลรัชดา-บางนาบูม เรียลแอสเสท ชี้ป็นจุดขายใหม่จากเดิมที่ต้องการอยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือโรงพยาบาล ขณะที่บริทาเนียร่วมทุนกลุ่มม.เกษมบัณฑิต งัดที่ดิน 34 ไร่ กรุงเทพกรีฑา ผุด แกรนด์ บริทาเนีย
ห้วงเวลานี้โรงเรียนนานาชาติ (อินเตอร์) ในไทยเนื้อหอมสุดๆ เมื่อบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองชาวจีนต้องการส่งลูกหลานให้มาเรียนโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพในเมืองไทยเพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีในการเรียนเพื่อช่วยต่อยอดกิจการ รวมทั้งการขยายธุรกิจในประเทศไทย
ณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มคนจีนเข้าได้กลับมาดำเนินธุรกิจในไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทำเลย่านรัชดาฯ ซึ่งเป็นเสมือน “ไชน่าทาวน์ 2” กลับมาคึกคักอีกครั้ง!
พร้อมกันนี้ได้ส่งลูกหลานเข้ามาเรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทำเลที่อยู่อาศัยในย่านรัชดาฯ และบางนา ได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะเป็นทำเลที่มีโรงเรียนนานาชาติจำนวนมาก อาทิ เวอร์โซ่ คอนคอร์เดี้ยน บางกอกพัฒนา เซนท์แอนดรูว์ เบิร์คลีย์ ICS เป็นต้น
“คนจีนให้ความสำคัญกับทำเลที่อยู่อาศัยที่ใกล้โรงเรียนลูกเป็นอันดับแรก เป็นจุดขายใหม่สำหรับดีเวลลอปเปอร์ที่มีทำเลของโครงการใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ โดยเฉพาะโครงการบ้าน จากเดิมที่ต้องการอยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือโรงพยาบาล”
แนวโน้มดังกล่าว ปีนี้ทางบริษัทจึงได้เตรียมนำโครงการใหม่และโครงการที่มีอยู่ออกมาเปิดขายเพื่อรองกับกำลังซื้อจากจีนที่เข้ามา รวมทั้งลูกค้าคนไทย โดยโครงการคอนโดในปีนี้ จะมีโครงการ ARLO LASALLE 17 ซึ่งเดิมคือโครงการ The Excel ลาซาล 17 ของออลล์ อินสไปร์ เป็นคอนโดโลว์ไรส์ 4 อาคาร บนที่ดินกว่า 4 ไร่ จำนวนห้องพักอาศัย 581 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,240 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 3 ปีนี้
ถัดมาเป็นโครงการ a space mega 2 ในเฟสสอง ที่ได้รับความสนใจจากคนจีนมาซื้อบิ๊กลอตจำนวน 50-60 ยูนิต ราคา 1.2 แสนบาทต่อตร.ม. หรือ 2.89แสนบาทต่อยูนิต และโครงการเดอะ สเตจ เมดบายมี รัชดา-ห้วยขวาง ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่อยู่ติดกับถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ
สำหรับโครงการแนวราบมี 3 โครงการหลัก ที่อยู่ในโซนบางนา ปัจจุบันบริษัทได้มีการพัฒนาไปแล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,900 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ วิรัณยา บางนา-สุวรรณภูมิ, เซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ และ สตอรี่ส์ บางนา-สุวรรณภูมิ เป็นบ้านที่เจาะตลาดระดับกลางถึงกลางบน ราคาขาย 2.5-8 ล้านบาท ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าจีนและไทยที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้โรงเรียนนานาชาติในราคาที่จับต้องได้ง่าย
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดตัวอีก 2 โครงการ คือ โครงการวีวัลดี บางนา ซอยวัดคลองปลัดเปรียง ห่างจากถนนบางนาเพียง 1.8 กิโลเมตร พัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เตรียมยกระดับมาตรฐานเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ราคาขาย 10-20 ล้านบาท มูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท และโครงการ วิรัณยา รังสิต-วงแหวน เป็นบ้านเดี่ยว บนทำเลวงแหวน-ลำลูกกา คลอง 5 ราคาขายเริ่ม 3.XX ล้านบาท มูลค่ากว่า 1,250 ล้านบาท คาดว่าปีนี้บริษัทจะมียอดขาย 3,300 ล้านบาท
ด้าน สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ประกาศโมเดลธุรกิจที่เปิดโอกาสให้เจ้าของที่ดินในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ ได้ร่วมทุน พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกัน ล่าสุด บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท เกษมบัณฑิต จำกัด เจ้าของที่ดินผืนศักยภาพฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ตระกูลดัง “สุวรรณดี” ผู้ริเริ่มและก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร “แกรนด์ บริทาเนีย กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า”
โครงการดังกล่าวออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว และบ้านซีรีส์ใหม่ 2 ชั้น ระดับไฮเอนด์ขนาดพื้นที่ใช้สอย 205-285 ตร.ม. จำนวน 128 ยูนิต โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ บนถนนร่มเกล้า สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง เชื่อมกับถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และถนนมอเตอร์เวย์ เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 8.5 กม. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 10 กม. ใกล โรงเรียนสารสาสน์ วิเทศน์ร่มเกล้า โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
สุวัฒน์ สุวรรณดี ผู้บริหารใหญ่กลุ่มเกษมบัณฑิต เปิดเผยว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง มีความสามารถเพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันในอนาคต โดยบริทาเนีย มีศักยภาพ ประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในทุก เซ็กเมนต์ ที่จะช่วยยกระดับที่อยู่อาศัยของคนไทย ผ่านการออกแบบ ดีไซน์ ฟังก์ชัน นวัตกรรมที่ตรงใจ
“ความแข็งแกร่งของแบรนด์ แกรนด์ บริทาเนีย ที่มีศักยภาพสูง มีการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นครั้งแรก”
เสนีย์ สุวรรณดี ผู้บริหารใหญ่กลุ่มเกษมบัณฑิต กล่าวเสริมว่า ในอดีตที่ผ่านมาเราเคยอยู่ในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก่อนที่จะผันตัวเองเข้าสู่วงการด้านการศึกษา ที่จัดการศึกษาภาคเอกชนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา จนถึงระดับมหาวิทยาลัย
“นับเป็นครั้งแรกที่เราก้าวกระโดดมาเข้าร่วมทำธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ เรามองว่าธุรกิจด้านอสังหาฯ ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ผู้บริโภคยังมีความต้องการที่พักอาศัยอย่างต่อเนื่อง เพราะที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต"
สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ให้สูงขึ้น และยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้ประสบการณ์และองค์ความรู้ในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่จากบริทาเนียอีกด้วย